ตัวเรียนเภสัช แต่ใจอยากเรียนหมอ
คุณหมอคะ
ขอเรียนถามคะ ตอนนี้หนูเรียนเภสัช แต่ใจอยากเรียนหมอ
ถ้าเราเรียนเภสัชให้จบแล้วต่อหมอ จะแก่เกินไปมั๊ยคะ
แล้วถ้าเราไปเรียนตอนนั้นวงการแพทยเค้าจะยอมรับมั๊ยคะ
หรือจะยอมรับแต่คนที่เข้าตามเกณฑ์คะ
...................................
ตอบครับ
1..
เรื่องแก่เกินแกง เอ๊ย.. แก่เกินจะเรียนแพทย์
ตอบได้ว่าไม่มีแก่หรอกครับ ผมเห็นหมอหลายคนมาเรียนแพทย์เอาตอนอายุสามสิบกว่า ก็มีความสุขในชีวิตดี
พวกที่เข้าหลักสูตรแพทย์แนวใหม่ (New Tract) หมายถึงจบ ป.ตรี แล้วทำงานสองปีก่อน แล้วจึงจะสอบเข้าเรียนได้
ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่กลมกลืนกับเด็กมัธยมที่มาเรียนแพทย์ตามเส้นทางปกติ
เพราะเท่าที่ผมเห็นทุกคนก็กลมกลืนกันดี เป็นแฟนกันไปก็มี
2.
เรื่องความรังเกียจว่าเป็นหมู ..เอ๊ย ไม่ใช่เป็นหมอสายพันธ์ไหน
ในหมู่แพทย์ด้วยกัน ไม่มีหรอกครับ รับประกัน
เพราะที่ทำงานอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ยากที่จะทราบว่าใครมาจากทางไหน
นานๆจะเจอคนทำอะไรหลุดโลกซักคนหนึ่ง ซึ่งในกรณีเช่นนั้นเพื่อนร่วมงานก็จะซุบซิบสืบโคตรเหง้าศักราชว่ามาเธอจากทางไหน
แต่ผลที่ได้ก็จะ random คือไม่ว่ามาจากทางไหนก็มีอุบัติการณ์หลุดโลกได้พอๆกัน
ไม่เกี่ยวกับสถาบันหรือประเทศที่เรียนมาเลย
3.
การเรียนเภสัชให้จบแล้วเอาคุณวุฒิไปเรียนต่อแพทย์ จะได้ย่นระยะเวลาแค่ปีเดียวนะ
คือสอบเข้าแล้วต้องเรียนอีก 5 ปี เป็นหลักสูตรที่เรียกว่า หลักสูตรแนวใหม่หรือ
New Tract ซึ่งปัจจุบันนี้เหลือสอนอยู่ที่ม.นเรศวร และ ม.พะเยา (ที่
ม.ธรรมศาสตร์ ผมไม่แน่ใจว่าเลิกไปหรือยัง) ดังนั้นคุณต้องคำนวณความคุ้มค่าให้ดี
เพราะเภสัชเองก็เรียน 5-6 ปีเข้าไปแล้ว การออกไปเริ่มต้นใหม่โดยไม่ต้องรอให้เรียนเภสัชจบจะเป็นวิธีที่คุ้มค่ากว่าหรือเปล่า ลองคิดดู
3.
การเรียนแพทย์ในเมืองไทยนั้น ไม่ว่าจะเรียนที่สถาบันไหน เรื่องคุณภาพไม่มีปัญหา ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือมันสอบเข้ายากเลือดตากระเด็น
ดังนั้นผมแนะนำให้มองหาทางเลือกอื่นๆ ตามลำดับความยากในการสอบเข้า
ลดหลั่นกันไปดังนี้
3.1
เอาวูฒิมัธยม สอบเข้ามหาลัยผ่าน กพสท. เป็นวิธีที่ประหยัดเงินที่สุด
แต่การสอบโหดที่สุด
3.2
เอาวุฒิมัธยม สอบเข้าแพทย์มศว.หลักสูตร Nottingham เสียค่าเทอมแพง แต่การสอบไม่โหดเท่า แต่ก็ยังโหดอยู่ดี เพราพวกลูกหมอทั้งหลายที่สอบกพสท.ไม่ได้จะมาออกันที่นี่
3.3
เอาวุฒิมัธยม
สอบเข้าแพทย์รังสิต เสียเงินค่าเทอมแพง การสอบเข้าได้ง่ายขึ้นหน่อย แต่ก็ยังหินไม่เบา เรื่องใช้เงินตัดทิ้งได้ เพราะทุกคนมาที่นี่มีเงินหมด ส่วนเรื่องใช้เส้นก็อย่าไปหวัง บอกได้คำเดียวว่า ยากส..ส์ เพราะมหาลัยเขากลัวรับเข้าไปแล้วไปสอบตกกลางคันทำให้ชั้นเรียนว่างและทำให้เขาขาดทุนในบั้นปลาย
3.4
นอกจากนี้ยังมีบางแห่งเช่นจุฬาฯ และแม่ฟ้าหลวง
ที่เงื้อง่าจะเปิดหลักสูตรแพทย์ AEC (ผมขอแปลเอาง่ายๆว่าหลักสูตรที่เก็บค่าเทอมแพงขึ้นแต่สอบเข้าง่ายกว่าเดิม)
ผมไม่ได้ติดตามข่าวว่าเปิดรับไปหรือยัง ถ้าคุณสนใจก็ลองสืบข่าวดูเองก็แล้วกัน
3.5
เอาวุฒิมัธยมไปเรียนแพทย์ที่จีน หรืออินเดีย
3.6 เอาวุฒิป.ตรีเช่นเภสัชหรือพยาบาล ไปเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์
4..
การที่คุณคิดอยากจะเป็นหมอ ถ้ามันเป็น passion ที่คุณอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยเหลือคนอื่น หากเป็นความมุ่งมั่นจริงจัง
ผมก็เห็นดีเห็นงามด้วย แต่ถ้ามันเป็นแค่ความอยากทัดเทียมเพื่อน อยากได้รับการยอมรับจากสังคม
อยากให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ หรือแค่อยากมีงานทำชัวร์ๆ ผมว่ามันไม่คุ้มที่จะทิ้งสาขาเภสัชมาเริ่มต้นเรียนแพทย์ใหม่หรอกครับ
เพราะเส้นทางกว่าจะได้เป็นหมอนั้นยาวนานและมีอุปสรรคขวากหนามสารพัด
แถมยังมีความยากที่ต้องใช้น้ำอดน้ำทน หากสู้อุตสาห์ตะเกียกตะกายจนพ้นพงหนามเพียงเพื่อจะได้มาทำอาชีพที่คุณไม่ได้
“อิน” หรือมีความสุขกับมันอย่างแท้จริง มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีแน่นอนครับ
ที่ผมพูดดักคอไว้อย่างนี้เพราะเห็นน้องๆที่จบหมอหลายคนไม่มีความสุขกับงานอาชีพนี้
บางคนเปลี่ยนไปขายเครื่องสำอาง บางคนไปทำกล่องโฟมขาย บางคนหลังจากพบว่าอาชีพนี้ "ไม่ใช่" ก็ไปตั้งต้นใหม่ ไปทำงานเป็นพนักงานบนเครื่องบินบ้าง บางคนสายตายังดีหน่อยก็เลิกเป็นหมอไปเรียนขับเครื่องบิน ประเด็นคือ...
“...อาชีพอะไรไม่สำคัญ
สำคัญที่คุณมีความสุขเมื่อได้ทำมันหรือเปล่า”
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์