ผมร่วงหัวล้าน ในเวอร์ชั่น Complimentary Health
คุณหมอครับ พอดีพี่สาวของผมประสบปัญหาผมร่วงเป็นวงกลม 1 วง ขนาดเท่าเหรียญ 10
ภายหลังจากได้อ่าน blog ของคุณหมอ
ทราบว่าชื่อโรค Alopecia Areata พี่สาวผมเครียดมากครับ
เนื่องจากเป็นผู้หญิงรักสวยรักงาม อยากจะพาไปให้คุณหมอช่วยรักษา
ไม่ทราบว่าคุณหมอประจำอยู่โรงพยาบาลอะไรหรือคลินิคไหนเหรอครับ
แล้วจะต้องโทรไปนัดล่วงหน้าก่อนหรือไม่ครับ รบกวนด้วยครับ
ขอบคุณครับ
..................................................
ตอบครับ
เรื่องผมร่วงเป็นหย่อม
หรือ alopecia
areata นี้ ผมเคยตอบท่านผู้อ่านท่านหนึ่งไปแล้วอย่างละเอียดเมื่อหลายเดือนมาแล้ว
ท่านลองย้อนอ่านได้ที่ http://visitdrsant.blogspot.com/2013/09/alopecia-areata.html
นะครับ
ถามว่าผมร่วงหัวล้านจะมาให้หมอสันต์รักษาได้ไหม
ตอบว่าไม่ได้ครับ เพราะ
(1) หมอสันต์เดี๋ยวนี้ไม่ได้รับรักษาโรค
รับแต่สอนให้คนไข้ดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นโรค
(2) หมอสันต์เป็นหมอประจำครอบครัว ไม่ได้เป็นหมอคุมกำเนิดนะ แต่แปลว่าเป็นหมอทั่วไปที่ทำงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นหลัก
ไม่ใช่หมอผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง
(3) เรื่องหัวล้านนี้ ตัวหมอสันต์เองยังเอาตัวเองจะไม่รอดเลย หึ..หึ
พูดถึงเรื่องผมเองก็หัวล้านจนจะเอาตัวไม่รอด
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนมาแล้ว
มีอยู่วันหนึ่งภรรยาซึ่งนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันที่บ้านมองหัวผมแล้วร้องเอ๊ะว่านั่นอะไรขาวๆบนหัวคุณ
เธอตรงเข้ามาพลิกผมไปมาแล้วก็ร้องว่าที่คุณผมร่วงเป็นหย่อมนี่ รอยโหว่เบ้อเร่อเลย
โตกว่าเหรียญสิบอีก แล้วก็พลิกผมทั่วศีรษะและว่าตรงนี้ก็มี เท่าเหรียญห้า
ตรงนี้ก็มีเท่าเหรียญบาทอีกสองอัน เธอบ่นอุบอิบอับว่าต้องเป็นเพราะผมไปทำรายการโทรทัศน์บ่อยแล้วถูกเขาทำผมพ่นครีมมากเกินไปแน่ๆเลย
แถมเธอยังสั่งผมว่า
“พรุ่งนี้คุณต้องไปให้อ้อดู”
เธอหมายถึงหมอโรคผิวหนังรุ่นเด็กๆคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบ
ผมบอกเธอว่าอย่าเลย แก่แล้วมันก็หัวล้านเป็นธรรมดา ที่ผมตอบอย่างนี้เพราะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าคนเป็น
alopecia
areata ไปหาหมอโรคผิวหนังเขามักจับฉีดสะเตียรอยด์ ซึ่งผมไม่เอาแน่นอน
หรือไม่ก็ต้องให้กินยา minoxidil ซึ่งผลวิจัยเปรียบเทียบก็บอกอยู่แล้วว่ากรณีล้านไม่ถึงครึ่งหัวอย่างนี้ผลไม่ต่างจากยาหลอก
หรือไม่ก็จับกินยา fenesteride ซึ่งเป็นยาต้านฮอร์โมนเพศชายซึ่งผมกลัว
ปล๊าว.. ผมไม่ได้กลัวหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรอก
เพราะทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้มีสมรรถภาพอะไรอยู่แล้ว แต่ฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรนนี้มันมีผลให้มีแรงขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ดีด้วย
การไปต้านมันจะทำให้อาการถ่านอ่อนตอนบ่ายๆของผมรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งผมรับไม่ได้
ดังนั้น อยู่เฉยๆดีกว่า
แต่ภรรยาของผมไม่ลดละ
เธอยกหูโทรศัพท์หาน้องสาวของผมทันที
เขียนมาถึงตอนนี้ผมขอเล่าแบ้คกราวด์เสริมให้ฟังหน่อย
คือผมมีน้องสาวแท้ๆคลานตามกันออกมาอยู่หนึ่งคน
หลังจากเรียนหนังสือจบที่เตรียมอุดมแล้วเธอไปเรียนเภสัชที่จุฬา
แล้วไปทำงานกรมอะไรสักอย่างในกระทรวงสธ. แล้วไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหิดล
เธอเป็นคนชอบทำวิจัย เมื่อยี่สิบปีก่อนงานวิจัยชิ้นหนึ่งของเธอทำให้บริษัทยาฝรั่งหงุดหงิดไปเหมือนกัน
คือเธอไปวิจัยจนพิสูจน์ได้ว่ายาปฏิชีวนะรักษาวัณโรคที่เป็นยาแท้ (original) กับยาบรรจุในประเทศ (local made)
นั้นให้ผลไม่ต่างกัน งานวิจัยของเธอเป็นหนึ่งในหลายๆงานวิจัยที่ถูกนำมาเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนมาใช้ยาบรรจุในประเทศแทนยาแท้ในบัญชียาหลักแห่งชาติในเวลาต่อมา
กลับเข้าเรื่องดีกว่า ระหว่างทำราชการ เธอก็ทำวิจัยเรื่องหญ้าแห้ง สมุนไพร ของเธอไป
เพราะเธอชอบทางนั้น ทำราชการไปสักพักก็ร้อนวิชาจึงลาออกจากราชการมาทำแชมพูสมุนไพรแบบว่าส้มป่อย
มะกรูด อะไรเทือกนั้นขาย แล้วก็ทำวิจัยต่อไปในทางผลิตสมุนไพรเป็น hair
tonic เพื่อแก้ปัญหาผมร่วงและผมหงอก
เราพี่น้องมีโอกาสเจอหน้ากันประมาณ 3 ปีครั้ง
เจอกันทีเธอก็คุยว่ากิจการของเธอรุ่งซะ เธอตั้งยี่ห้องของเธอว่า Jiva และส่งของไปขายเมืองนอก มียี่ปั๊วอยู่ในประเทศโน้นประเทศนี้รวมทั้งประเทศอังกฤษด้วย
แต่ผมก็ไม่เคยสนใจเรื่องของเธอมากกว่าฟังราคาคุยและรับเอาแชมพูขจัดรังแคของเธอมาใช้เรื่อยมา..เพราะเธอให้ฟรี
มาคราวนี้ผมต้องใช้บริการของเธอเสียแล้ว
ภรรยาเป็นคนจัดแจงเสร็จสรรพ นึกภาพหมอสันต์ซึ่งตั้งแต่เกิดมาเคยแต่ตัดผมในร้านปัตเลี่ยน คราวนี้ต้องไปให้เขาสระผมอบสมุนไพรในร้านทำผม
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมเพิ่งเข้าใจคนไข้ของผมจำนวนมากที่ชอบไปหาสมุนไพรกินก็ตอนที่ตัวเองต้องมาใช้สมุนไพรกับเขาบ้างนี่เอง
ผมต้องขับรถข้ามเมืองไปหาร้านของเธอ ซึ่งก็ไม่ได้หาง่ายนะ
อยู่เลยสะพานพระปิ่นเกล้าไปอีก ร้านของเธอเป็นร้านเล็กๆแต่ก็สะอาดสะอ้านดี
ไปครั้งหนึ่งนักวิทยาศาสตร์ของเธอก็ส่องกล้องให้ดูภาพรากขนและหัวล้านของตัวเองบนจอเพื่อยืนยันว่าเนี่ย
ล้านแล้วนะ แล้วขูดเอาหนังศีรษะออกมาใส่กล้องจุลทรรศน์ส่องดูปริมาณของไรขน (demodex)
ซึ่งน้องสาวของผมเธอเชื่อจากประสบการณ์ของตัวเองที่หากินกับหัวล้านมานานปีว่าไรขนนี้เป็นตัวที่สัมพันธ์กับการเกิดผมร่วงหัวล้าน
แล้วก็ไปนอนหลับให้พนักงานสระผม โปะสมุนไพร
แล้วก็ไปนั่งเสียบหัวเข้าไปในครอบอบไอร้อนจนผมร้อนฉ่า
แล้วก็ไปนอนหลับให้เขาสระผมอีก โปะสมุนไพรอีก ทำอย่างนี้เที่ยวละสองรอบ
ต้องไปที่ร้านเธอสัปดาห์ละครั้ง
ทำอย่างนี้อยู่นานสองเดือนก็ปรากฏว่ามีผมขึ้นมาตรงที่เคยล้านจริงๆแฮะ
จะเป็นเพราะมันจะขึ้นมาของมันเองอยู่แล้วหรือเป็นเพราะสมุนไพรหญ้าแห้งของน้องสาวใช้การได้จริงผมก็ไม่ทราบ
และก็ไม่มีทางจะทราบด้วยเพราะไม่มีใครเคยทำวิจัยเรื่องแบบนี้ไว้เลย
แม้ผมจะขึ้นมาดีแล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ของเธอยังบ่นว่าเจ้าไรขน demodex
ไม่ยอมหมดไปจากหัวผมเสียที
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการมีไรขนกับการเกิดผมร่วงหัวล้านนี้ไม่มีหลักฐานใดๆปรากฏอยู่ในทางการแพทย์ดอก
เพราะไม่เคยมีใครทำวิจัยไว้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรจึงไม่มีใครทราบ
แต่วงการแพทย์ถือว่าผมร่วงเป็นหย่อมน่าจะเกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเจ้าไรขนหรือ
demodex อะไรเนี่ยหรอก
และในการรักษาหัวล้านเป็นหย่อมในทางการแพทย์ก็ไม่มีใครตั้งหน้าตั้งตาปราบเจ้าไรขนนี้แต่อย่างใด
ผมถามน้องสาวว่าทำไมเธอจึงเชื่อว่าไรขนเป็นต้นเหตุให้เกิดผมร่วง
เธอตอบว่าเพราะเธอเห็นลูกค้าที่ยิ่งมีผมร่วงมากก็ยิ่งพบไรขนมาก
ซึ่งข้อมูลแค่นี้ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นการ “พบร่วมกัน” แต่จะเป็นหรือไม่เป็นสาเหตุของผมร่วงนั้นยังต้องการข้อมูลมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเห็นเธอจดจ่อกับเจ้าไรขนนัก ผมจึงบอกน้องสาวว่า
“ถ้ายูเชื่อว่าเจ้าไรขนนี้เป็นต้นเหตุของผมร่วงและจะปราบมันให้ได้
ยูก็ต้องใส่อะไรที่ทำหน้าที่ฆ่าไรขนลงไปในยาสระหัวของยูสิ
จะไปหวังให้สมุนไพรที่มีไว้เพื่อสระหัวไปฆ่าไรขนได้อย่างไร”
เธอตอบว่า
“กับลูกค้าส่วนใหญ่
สมุนไพรของเดิ้นกำจัดไรขนได้แน่นอน แต่เฉพาะลูกค้าที่หัวดื้ออย่างพี่นี้เท่านั้นแหละที่มันกำจัดไม่ได้
แต่มันก็ลดปริมาณลงได้เห็นไหมละ ว่าแต่พี่ว่าอะไรนะที่จะฆ่า demodex
ได้ชัวร์ๆ”
ผมตอบว่า
“ก็
ivermectin
ไง พวกสัตวแพทย์เขาใช้รักษาขี้เรื้อนหมาได้ผลชงัดออก”
เธอตอบว่า
“บ้า..
สารเคมีนะเหรอ เดิ้นไม่เอาด้วยหรอก ถ้าพี่จะใช้สารเคมีพี่เองก็เป็นหมอทำไมไม่ใช้ไปเลยละ
มาหาเดิ้นทำไม”
ฮั่นแน่ เธอเป็นน้องแบบไหนเนี่ย ย้อนพี่ซะอีก แต่ผมไม่โกรธไม่ใจน้อย เพราะผมของผมงอกแล้ว
แม้จะไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ จะงอกของมันเอง หรืองอกเพราะสมุนไพรหญ้าแห้งของน้องสาว
ผมก็แฮ้ปปี้อยู่ดี
กลับมาพูดถึงไรขน (demodex)
ซึ่งซุกซ่อนอยู่ตามต่อมเหงื่อและรูขนของคนเรานี้ ในวงการแพทย์
หมอตาจะเป็นกลุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตาปราบไรขนมากที่สุด ทั้งนี้หมอตาส่วนใหญ่เชื่อว่าไรขนทำให้เกิด
โคนขนตาอักเสบ (blepharitis) และตั้งชื่อโรคนี้โดยจำเพาะเจาะจงว่าโรคติดเชื้อไรขน (demodicosis) หมอผิวหนังส่วนหนึ่งก็เชื่อว่าไรขนเป็นต้นเหตุของผิวหนังอักเสบที่หน้าแบบสิวผื่นแดง (papulopustular rosacea) และตั้งหน้าตั้งตาปราบไรขนไปด้วยนอกเหนือจากการใช้ยาปฏิชีวนะรักษาสิว
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเจ้าไรขนนี้เป็นต้นเหตุของสิวผื่นแดงหรือเป็นแค่สิ่งที่มาพบร่วมกันเฉยๆ
ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างไรขนกับผมร่วงหัวล้านนั้น ยังไม่เคยมีใครทำงานวิจัยที่พิสูจน์ให้เห็นได้จะจะว่าไรขนเป็นต้นเหตุของผมร่วงหัวล้านจริงหรือไม่
มีก็แต่หมอจีนคนหนึ่งชื่อคุยซุนซึ่งมีอาชีพทำครีมกำจัดไรขนขาย แกได้เคยทำการศึกษาความชุกของไรขนบนผิวหนังคนว่ามีโอกาสพบสูงถึงมากกว่า
90% ขึ้นไป และตั้งข้อสังเกตว่าความแน่นของไรขนบนผิวหนังมีความสัมพันธ์กับอาการทางผิวหนังหลายชนิดรวมทั้งผมร่วงหัวล้านด้วย
งานวิจัยของเขาตีพิมพ์ในวารสารจีนตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งถูกอ้างต่อๆกันมาอย่างเลื่อนลอยโดยไม่สามารถจะหาอ่านเนื้อหาของจริงได้
ถึงหาอ่านได้ งานวิจัยของเขาก็เป็นเพียงรายงานความชุกและความสัมพันธ์ระหว่างการพบไรขนกับการพบโรคเท่านั้น
ไม่ได้เป็นหลักฐานว่าไรขนทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด
สรุปว่าไรขนเป็นต้นเหตุของการเกิดผมร่วงหัวล้านหรือไม่
หากถือตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ คำตอบก็คือ “ยังไม่มีใครทราบหรอกครับ”
นพ.สันต์
ใจยอดศิลป์
ปล. ใครสนใจจะไปอุดหนุนร้านทำผมของน้องสาวผม ร้านของเธอชื่อ ศูนย์สุขภาพผมจีวา (Jiva) โดยบริษัท ช.เนเจอร์ จำกัด อยู่ที่เลขที่ 1/32 ถ. บรมราชชนนี (ระหว่างซอย 5-7) แขวงอรุณอัมรินทร์ บางกอกน้อย กทม. โทร. 02 434 8895-6 ( http://www.herbforhair.com/ ) ผมโฆษณาให้เธอได้ เพราะเธอเป็นแค่ร้านทำผม ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จึงสามารถให้ผู้อื่นโฆษณาธุรกิจของตัวเองได้โดยไม่ถือว่าผิดจริยธรรม
บรรณานุกรม
1. Coston
TO. Demodex folliculorum blepharitis. Trans Am Ophthalmol Soc.
1967;65:361-92. [Medline].
2. Ayres S
Jr. Demodex folliculorum as a pathogen. Cutis. Jun 1986;37(6):441. [Medline].
3. Moravvej
H, Dehghan-Mangabadi M, Abbasian MR, Meshkat-Razavi G. Association of rosacea
with demodicosis. Arch Iran Med. Apr
2007;10(2):199-203. [Medline].
4. Lacey N,
Kavanagh K, Tseng SC. Under the lash: Demodex mites in human diseases. Biochem
(Lond). Aug 1 2009;31(4):2-6. [Medline]. [Full Text].
5. Forton F,
Germaux MA, Brasseur T, De Liever A, Laporte M, Mathys C, et al. Demodicosis
and rosacea: epidemiology and significance in daily dermatologic practice. J
Am Acad Dermatol. Jan 2005;52(1):74-87.[Medline].