ลูกครูดอย มีพยาธิไส้เดือน


เรียนคุณหมอสันต์ ที่เคารพ

ดิฉันมีความกังวลใจ ลูกของดิฉัน อายุ หนึ่งขวบกับหกเดือน  เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีพยาธิใส้เดือนออกมาทางรูทวารหนัก หนึ่งตัว  ดิฉันพาลูกไปโรงพยาบาลเมื่อวันจันทร์ เล่าอาการให้ฟัง พร้อมนำอุจจาระไปตรวจ ผลตรวจอุจจาระไม่พบไข่พยาธิอะไรเลย  แต่คุณหมอก็ให้ยาถ่ายพยาธิ albendazole มากิน ผ่านไปสองวัน ลูกก็ไม่แสดงอาการอะไร ไม่ร้องงอแง ปกติดี แต่ไม่ถ่ายเลย ดิฉันมีข้อกังวลใจอยากเรียนถามคุณหมอว่า
1. ที่พยาธิออกมาทางรูทวารแสดงว่ามีพยาธิอยู่ในท้องจำนวนมากใช่หรือไม่
2. ดิฉันจะทราบได้อย่างไรว่าลูกจะหายเป็นปกติ
3.ลูกของดิฉันจะเติบโตปกติหรือไม่ ในเมื่อมีพยาธิอยู่ในท้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
4.ดิฉันได้อ่านจากข้อความในเวบไซต์ บอกว่าหากรักษาไม่ถูกต้อง พยาธิจะไชทะลุลำไส้ อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ มีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งข้อนี้ดิฉันกลัวมากๆๆ
5. หากหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นได้มากแค่ไหน เกี่ยวกับอะไร ที่ผ่านมาดิฉันระวังเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากดิฉันเป็นครูสอนชาวเขา อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยสะดวกสบายมากนัก 
รบกวนคุณหมอช่วยตอบคำถามด้วยนะคะ ดิฉันกังวลใจ เป็นห่วงลูกอย่างมาก

ครูบนดอย

…………………………………………………

ตอบครับ

“…ครู บนดอย
ดุจแสง หิ่งห้อย กลางป่า
ขจัด ความมืด นานา
สร้างเสริม ปัญญา คงมั่น
ศรัทธา หน้าที่
พร้อมพลี สุขสารพัน
เขาอยู่ อย่างผู้ สร้างสรรค์
สมคำ ของครู ผู้ให้....

     ผมรักครูดอยนะครับ สมัยผมหนุ่มๆมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นครูอยู่บนดอย ตอนนั้นผมมาเรียนที่เกษตรบางเขนแล้วดร็อพออกไปอยู่บ้านเลี้ยงน้อง มีครูฝรั่งคนหนี่งอยากไปแอ่วดอยทางเหนือ เขาตามไปเยี่ยมผมที่บ้าน ผมเลยพาขึ้นดอยไปเยี่ยมเพื่อนคนนั้น เราสองคนต้องเดินเท้าทั้งวัน ผ่าน “ป่าเมี่ยง” ซึ่งอุดมไปด้วยทากดูดเลือดที่คอยกระโดดแว้บ แว้บ บัดเดี๋ยวดูดเลือดที่แขน แว้บ บัดเดี๋ยวดูดเลือดที่ขา เวลาเราดึงตัวมันออกมาก็มีเลือดไหลนองเยิ้มออกตามตัวมันมาเป็นทาง กึ๋ย..ย หวาดเสียวมาก กว่าจะไปถึงบ้านพักครูของเพื่อนที่บนดอยไม่รู้ว่าเสียเลือดไปคนละเท่าไหร่ บ้านพักครูที่ว่านี้ก็คือกระต๊อบไม้ไผ่ที่ทั้งหลังทำจากไม้ไผ่ ผนังก็เป็น “ฟาก” ไม้ไผ่ หมายความว่าไม้ไผ่ที่เอามาทุบๆตีแผ่ทำผนัง ด้านในของผนังเพื่อนเขาเอากระดาษหนังสือพิมพ์ทาแป้งเปียกปิดไว้จนมองไม่เห็นไม้ไผ่ ตอนแรกผมนึกตำหนิเพื่อนในใจว่าหัวไม่ศิลป์เสียเลย เพราะมองฟากไม้ไผ่มันเจริญหูเจริญตากว่ามองกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นไหนๆ แต่พอตกกลางคืนถึงได้เข้าใจเพราะลมหนาวมันพัดหวีดหวิวเล็ดลอดจุดที่ปิดกระดาษหนังสือพิมพ์ไม่มิดเข้ามาถึงตัวแล้วหนาวจับใจ คราวนี้ผมนึกตำหนิเพื่อนอีกว่าทำไมไม่รู้จักทาแป้งเปียกปิดกระดาษให้สนิทกว่านี้นะ..เป็นงั้นไปคนเรา

     เพ้อเจ้ออีกละ ตอบคำถามของคุณดีกว่า

     1..ถามว่าที่พยาธิออกมาทางรูทวารแสดงว่ามีพยาธิอยู่ในท้องจำนวนมากใช่หรือไม่ ตอบว่าน่าจะใช่ครับ เพราะพยาธินี้เป็นสัตว์ออกลูกเป็นไข่ ซึ่งอะไรๆที่ออกลูกเป็นไข่ก็จะออกทีหนึ่งเป็นกระตั๊ก แล้ววงจรชีวิตของพยาธิไส้เดือนนี้คือว่าเจ้าของพยาธิไส้เดือนคนก่อนเขาอึเอาไข่ของไส้เดือนออกมา แล้วเราไปกินขี้ เอ๊ย..ขอโทษ กินไข่ไส้เดือนเข้าไป ซึ่งไหนๆก็กินแล้วก็มักจะไม่กินฟองเดียว เพราะมันอยู่กันเป็นกระตั๊ก เราก็กินกันทีละกระตั๊ก เวลาคนเราทำฟาร์มไส้เดือนในลำไส้จึงมักมีไส้เดือนกันคนละหนึ่งฝูงมากกว่าที่จะมีกันคนละหนึ่งตัว แต่บางคนอาจมีตัวเดียวก็ได้นะ เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามการมีไส้เดือนตัวเดียว

     2..ถามว่าลูกทานยาถ่ายแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหายเป็นปกติ ตอบว่ารู้ได้จาก (1) กินยาครบ หมายความว่า albendazol 400 มก. หนึ่งเม็ด ครั้งเดียว ถือว่าครบ (2) หลังทานยา 2 สัปดาห์เอาอุจจาระไปตรวจหาไข่พยาธิซ้ำแล้วไม่พบไข่พยาธิ (3) ไม่มีไส้เดือนออกมาเพ่นพ่านให้เห็น ไม่ว่าจะที่รูทวารหนักหรือในอึ หากมีทั้งสามประการนี้ครบ ก็ถือว่าลูกหายเป็นปกติแล้วครับ

     3.. ถามว่าลูกจะเติบโตปกติหรือไม่ ตอบว่าเป็นปกติสิครับ ปกติเสียยิ่งกว่าปกติอีก จากประสบการณ์ของผมเมื่อวัยเด็ก พบว่าเพื่อนคนที่มีไส้เดือนมากกว่าคนอื่นจะเติบโตดีกว่าเพื่อนคนอื่นๆเสียอีก เพราะมันเป็นคนกินไม่เลือก (ผมทราบว่าใครมีไส้เดือนมากเพราะสมัยก่อนยาถ่ายพยาธิจะต้องซื้อจากหนังขายยา หนังขายยาเวลามาแล้วจะปักหลักอยู่หมู่บ้านเรา หนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน คืนแรก ฉายหนัง ขายยาถ่าย แล้วประกาศรับซื้อไส้เดือนตอนเช้าที่ตลาด รุ่งเช้าก็โชว์ไส้เดือนแล้วขายยาถ่ายอีก แน่นอน ย่อมขายดีกว่าเมื่อคืนวันแรกเพราะมีหลักฐานวิทยาศาสตร์ให้ชาวบ้านเห็นจะจะว่ายาถ่ายใช้ได้ผล พวกเราเด็กๆพอกินยาถ่ายกันแล้วก็จะขยันทำธุรกิจซึ่งมี business model ว่าให้คอยสอดส่ายสายตาหาไส้เดือนในอึของตัวเองไปขายเอาเงิน ขอโทษครับ หิ หิ นอกเรื่องอีกละ


     4. ถามว่าจริงหรือเปล่าที่บางเว็บไซท์ว่าพยาธิอาจไชทะลุลำไส้ อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ ตอบว่าจริงครับ แต่โอกาสที่จะเกิดเรื่องอย่างนั้นมีน้อยมาก ผมเนี่ย พูดแล้วจะหาว่าคุยนะ ชีวิตนี้ลุยดงไส้เดือนมาแยะแล้ว ยังไม่เคยเห็นคนไข้ตายแบบคุณว่าซักรายเดียว ในตำราแพทย์มีรายงานไว้บ้างประปรายครั้งละหนึ่งราย แต่ก็เป็นรายงานเก่านานมาแล้ว ไม่เคยเห็นรายงานที่รวบรวมคนไข้แบบนี้ได้เป็นกลุ่มก้อนซักครั้งเดียว แสดงว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นน้อยมาก อย่าวอรี่ไปเลยนะ คุณครูขา

     5. ถามว่าหากหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นได้มากแค่ไหน จะป้องกันได้อย่างไร ตอบว่า โรคนี้หายได้ก็เป็นใหม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย การป้องกันก็ไม่ยาก คือระวังเรื่องสุขอนามัยในการรับประทานอาหาร อย่าทานอาหารที่ปนเปื้อน ในสถานที่ที่การอึลงบนพื้นดินโล่งโจ้งเปิดเผยเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น การปนเปื้อนที่มากที่สุดมักมากับน้ำดื่ม ดังนั้น WHO ถึงได้บอกว่าการจัดหาน้ำสะอาดไว้ดื่มเป็นการลงทุนทางด้านสุขภาพที่คุ้มค่าเงินที่สุดไง การปนเปื้อนรองลงมาคือปนเปื้อนมากับขาแมลงวัน การปนเปื้อนที่สามซึ่งพบไม่บ่อยนักคือการปนเปื้อนที่มากับผัก คือบางแห่งในเมืองไทยเนี้ยแหละ ยังนิยมเอาอึรดผักกันอยู่ คุณเข้มงวดตรงสามจุดนี้ก็เป็นการป้องกันที่ โอ.เค.แล้วหละครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี