จริงหรือ..ความหวานของเมเปิลไซรัพให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทราย
จริงหรือไม่ที่ว่าน้ำตาล Maple Syrub มีแคลรอรี่น้อยกว่าน้ำตาลทราย คนเป็นเบาหวานรับประทานได้
.................
ตอบครับ
ประเด็นที่ 1. น้ำตาลในเมเปิ้ลไซรัพให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทรายจริงไหม.. คำตอบคือไม่จริงครับ เมเปิ้ลไซรัพของแท้ ประกอบด้วยน้ำตาล 66% เกือบทั้งหมดเป็นน้ำตาลซูโครส (sucrose) เหมือนกับน้ำตาลในพืชอื่นๆเช่นอ้อยเป็นต้น ให้แคลอรี่เท่ากัน คือ 1 กรัมให้ 4 แคลอรี่ เท่ากับน้ำตาลทรายทุกประการ
เอกลักษณ์ของเมเปิ้ลไซรัพอยู่ที่มีแร่ธาตุบางชนิดเช่นสังกะสี แมงกานีส และน้ำมันหอมระเหยต่างๆเช่นวานิลลิน ในสัดส่วนที่ทำให้มีรสและกลิ่นเฉพาะตัวลอกเลียนได้ยาก แต่ก็มีคนทำของปลอมออกมาขายจนได้ ส่วนคุณวิเศษอื่นๆนอกเหนือจากการเป็นน้ำหวานธรรมดานั้น ไม่มีหลักฐานใดๆทางการแพทย์ยืนยันครับ
ประเด็นที่ 2. คนเป็นเบาหวานกินน้ำตาลได้หรือไม่ ตรงนี้ขอเคลียร์นิดหนึ่งนะครับ เราไปตั้งชื่อโรค diabetes ในภาษาไทยว่าเบาหวาน ก็เลยพาลตีความเอาว่าเบาหวานห้ามกินของหวาน แต่ของอื่นที่มันๆหรือไม่หวานกินได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดเป้าไปมาก
ความจริงคือสิ่งที่แสลงกับโรคเบาหวานคือการได้รับพลังงาน (แคลอรี่) ส่วนเกินจากอาหารมากเกินไป พลังงานส่วนใหญ่มาจากอาหารไขมัน เพราะหนึ่งกรัมให้ถึง 9 แคลอรี่ รองลงมามาจากคาร์โบไฮเดรท คือหนึ่งกรัมให้ 4 แคลอรี่ จะหวานหรือไม่หวานหากเป็นคาร์โบไฮเดรตก็ให้แคลอรี่เท่ากัน ดังนั้นคนเป็นเบาหวานต้องระวังไขมันเป็นอันดับหนึ่ง คาร์โบไฮเดรตเป็นอันดับสอง ของหวานก็เป็นคาร์โบไฮเดรตอย่างหนึ่ง จึงถือว่าแสลงต่อคนเป็นเบาหวาน แต่ไม่สาหัสเท่าไขมัน ซึ่งแสลงมากที่สุด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
.................
ตอบครับ
ประเด็นที่ 1. น้ำตาลในเมเปิ้ลไซรัพให้พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลทรายจริงไหม.. คำตอบคือไม่จริงครับ เมเปิ้ลไซรัพของแท้ ประกอบด้วยน้ำตาล 66% เกือบทั้งหมดเป็นน้ำตาลซูโครส (sucrose) เหมือนกับน้ำตาลในพืชอื่นๆเช่นอ้อยเป็นต้น ให้แคลอรี่เท่ากัน คือ 1 กรัมให้ 4 แคลอรี่ เท่ากับน้ำตาลทรายทุกประการ
เอกลักษณ์ของเมเปิ้ลไซรัพอยู่ที่มีแร่ธาตุบางชนิดเช่นสังกะสี แมงกานีส และน้ำมันหอมระเหยต่างๆเช่นวานิลลิน ในสัดส่วนที่ทำให้มีรสและกลิ่นเฉพาะตัวลอกเลียนได้ยาก แต่ก็มีคนทำของปลอมออกมาขายจนได้ ส่วนคุณวิเศษอื่นๆนอกเหนือจากการเป็นน้ำหวานธรรมดานั้น ไม่มีหลักฐานใดๆทางการแพทย์ยืนยันครับ
ประเด็นที่ 2. คนเป็นเบาหวานกินน้ำตาลได้หรือไม่ ตรงนี้ขอเคลียร์นิดหนึ่งนะครับ เราไปตั้งชื่อโรค diabetes ในภาษาไทยว่าเบาหวาน ก็เลยพาลตีความเอาว่าเบาหวานห้ามกินของหวาน แต่ของอื่นที่มันๆหรือไม่หวานกินได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดเป้าไปมาก
ความจริงคือสิ่งที่แสลงกับโรคเบาหวานคือการได้รับพลังงาน (แคลอรี่) ส่วนเกินจากอาหารมากเกินไป พลังงานส่วนใหญ่มาจากอาหารไขมัน เพราะหนึ่งกรัมให้ถึง 9 แคลอรี่ รองลงมามาจากคาร์โบไฮเดรท คือหนึ่งกรัมให้ 4 แคลอรี่ จะหวานหรือไม่หวานหากเป็นคาร์โบไฮเดรตก็ให้แคลอรี่เท่ากัน ดังนั้นคนเป็นเบาหวานต้องระวังไขมันเป็นอันดับหนึ่ง คาร์โบไฮเดรตเป็นอันดับสอง ของหวานก็เป็นคาร์โบไฮเดรตอย่างหนึ่ง จึงถือว่าแสลงต่อคนเป็นเบาหวาน แต่ไม่สาหัสเท่าไขมัน ซึ่งแสลงมากที่สุด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์