การเป็นมะเร็ง กับ "ต้มถั่วด้วยฟืนเถาถั่ว"

คุณหมอสันต์ที่เคารพรัก
ดิฉันชื่อ... เคยมาเข้า GHBY... ตอนนั้นอยากจะเอ่ยปากเรื่องนี้กับคุณหมอ แต่โอกาสไม่อำนวย เรื่องมันมีส่วนที่ดิฉันไม่เคยเล่าให้คุณหมอฟัง คือว่าก่อนที่ดิฉันจะเป็นมะเร็งเต้านม มีปัญหาภายในครอบครัว ก็เรื่องมรดกนั่นแหละคะ แต่ว่ามันรุนแรงถึงขั้นพี่น้องต้องปองร้ายกัน ดิฉันสงสารแม่ ตัวเองก็เสียใจที่ทำไมพี่น้องกันต้องมาคิดฆ่ากันเอง ตอนนี้ดิฉันทำเคมีบำบัดครบหกคอร์สแล้ว แต่จิตใจยังไม่ดี เพราะพี่เขาก็ยังไม่เลิกราเรื่องหักล้างโค่นล้มกัน เรื่องในครอบครัวนี้ทำให้ดิฉันเป็นมะเร็งได้ใช่ไหมคะ แต่ดิฉันเป็นฝ่ายถูกกระทำ ดิฉันไม่ได้คิดร้ายทำลายใคร คุณหมอคะดิฉันควรจะทำอย่างไรจึงจะออกไปจากตรงนี้ได้ อยากจะทิ้งทุกอย่างหนีทุกๆคนไปแต่ก็สงสารแม่ ทั้งโกรธและเกลียดพี่ ทั้งสงสารแม่
คุณหมอช่วยแนะนำด้วยค่ะ

........................................................

ตอบครับ

     อ่านจดหมายของคุณแล้วนึกถึงเรื่องราวในหนังสือสามก๊กตอนที่โจโฉแก่ได้ที่แล้วคิดจะมอบอำนาจให้ลูก โจสิด ลูกคนที่สามของโจโฉเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องแต่เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ต่างจากโจผีผู้พี่ใหญ่ที่เป็นนักรบกล้าหาญองอาจ ใจโจโฉนั้นรักและหมายมั่นจะให้โจสิดสืบบัลลังก์ โค้งสุดท้ายได้ทดสอบโดยให้โจสิดนำทัพไปรบ คืนก่อนออกเดินทัพกุนซือของโจผีลูกชายคนที่หนึ่งของโจโฉได้กระซิบบอกเจ้านายตัวเองให้ไปมอมเหล้าองค์ชายสาม แถมโจผียังยืนยามเฝ้าหน้าห้องไม่ให้ใครปลุก รุ่งเช้าโจสิดจึงไม่ได้ไปรายงานตัวเพื่อเดินทัพ โจโฉโกรธมาก จึงแต่งตั้งโจผีเป็นรัชทายาทแทน เมื่อได้เป็นกษัตริย์ องค์ชายหนึ่งโจผีก็คิดเก็บองค์ชายสามโจสิดไม่ให้เป็นหอกข้างแคร่ จึงให้จับตัวมามิใยว่าผู้เป็นแม่จะร้องไห้กอดแข้งกอดขาทัดทานอย่างไรก็ไม่ฟัง แต่นาทีสุดท้ายโจผีก็ยังมีใจให้โอกาสโจสิดก่อนตายว่าให้แต่งกลอนหนึ่งบทจบลงขณะที่ก้าวเดินยังไม่พ้นเจ็ดก้าว โดยให้กลอนนั้นพูดถึงความเป็นพี่เป็นน้องกันแต่อย่าใช้คำว่า "พี่" และคำว่า "น้อง" เป็นอันขาด โจสิดเจ้าปัญญาได้เอ่ยปากร่ายกลอนมีเนื้อหาเล่าเรื่องการต้มถั่วโดยอาศัยใบและเถาถั่วเป็นเชื้อไฟ ซึ่งจบภายในเจ็ดก้าวเดิน ตามต้นฉบับสามก๊กภาษาอังกฤษของเบรวิท เทย์เลอร์ ว่า

     "..There were boiling beans on a beanstalk fire
game a plaintive voice from the pot
Oh why, since we sprang from the self-same root
Should you kill me with anger hot?.."

     ผมอ่านคำแปลในภาษาไทย ไม่ว่าฉบับไหนก็แปลไม่สะใจผม ผมจึงขอมั่วแปลเสียเองว่า

     "...หม้อน้ำร้อน ถั่วต้ม  ร้องปุ้งปั้ง
ไฟเบื้องล่าง ฟืนเถาถั่ว ร้อนเหลือหลาย
เหง้าเดียวกัน ใยล้างกัน จนวอดวาย 
โอ้..ทำไม เจ้าจึงมา ฆ่าข้าลง.."

     โจผีได้ฟังบทกลอนไพเราะแล้วเผลอน้ำตาซึม แล้วล้มเลิกความตั้งใจที่จะฆ่าน้องในไส้ของตัวเองเสีย

     ขอโทษ เผลอนอกเรื่อง มาตอบคำถามของคุณดีกว่า

     ถามว่าเรื่องพี่น้องทะเลาะกันในครอบครัวจะเอากันให้ตาย เป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งได้ไหม ตอบว่าความเครียดทุกชนิดเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งได้แน่นอนเพราะเวลาเครียดระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดรวมทั้งเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่เก็บกินเซลมะเร็งจะหยุดทำงาน

     ให้ผมพูดถึงมุมมองของสุขภาพองค์รวม (holistic view) กับคุณหน่อยนะ มุมมองนี้ไม่ใช่หลักวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้หลักฐานนะ น่าจะเป็นหลักวิชาการแพทย์แผนโบราณมากกว่า แต่ก็อยู่มาได้หลายพันปี คงจะมีอะไรดีๆอยู่บ้าง กล่าวคือมุมมองนี้มองว่าเมื่อใดก็ตามที่กาย จิต วิญญาณ (body-mind-spirit) ไม่เป็นหนึ่งเดียว เมื่อนั้นโรคก็มา จิตหมายถึงความคิด วิญญาณหมายถึงความรู้ตัว (awareness หรือ consciousness) ในระดับความรู้ตัวนั้นลึกๆคุณรู้ว่าตัวคุณเอง พี่ และแม่ ล้วนเป็นรากเหง้าเดียวกันเหมือนกับเป็นคนคนเดียวกัน แต่ในระดับความคิด คุณกำลังมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กับพี่ของคุณ นี่คือตัวอย่างของการที่จิตกับวิญญาณไม่สอดประสานสัมพันธ์กัน ซึ่งจะตามมาด้วยการเจ็บป่วยทางกาย เพราะทั้งความคิดทั้งความรู้ตัวต่างก็มีฐานะเป็นนายของเซลร่างกาย เมื่อสองนายสั่งมาคนละอย่าง เซลก็รับลูกไม่ถูก ในมุมมองของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โรคบางกลุ่มเช่น autoimmune disease (ภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง) และโรคมะเร็ง มีรากมาจากความงุนงงของเซลที่ได้รับคำสั่งให้เหง้าเดียวกันทำลายกันเองนี่แหละ มะเร็งคือการลุกฮือของเซลร่างกายเราเองเพื่อโค่นล้มร่างกายของเราเอง ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองก็คือกลไปป้องกันร่างกายของเราเองทำลายเซลของร่างกายเราเอง

     ในการบำบัดโรคเหล่านี้ในเชิงสุขภาพองค์รวมจำเป็นต้องลงลึกไปถึงการสร้างความลงรอย (alignment) ระหว่างจิตกับวิญญาณ โรคจึงหาย ตีความให้แคบอีกหน่อยก็คือต้องวางความคิดลบซึ่งขัดแย้งกับตัวตนส่วนลึกหรือความรู้ตัวของเราลงให้ได้ก่อน แน่นอนมันเป็นเรื่องของตัวคุณเองอย่าไปพยายามแก้ไขคนอื่น เริ่มโดยทิ้งความคิดลบ ความโกรธเคืองและความเป็นปฏิปักษ์และปฏิเสธพี่ เปลี่ยนมาเป็นการยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว 100% ก่อน ทั้งสิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ รวมทั้งการให้อภัยพี่และแผ่เมตตาให้พี่ด้วย สิ่งต่างๆในระดับคอนเซ็พท์เช่นความชอบธรรม ความยุติธรรม ความกตัญญู สิทธิความเป็นเจ้าของ แม้กระทั่งความเป็นบุคคลของคุณ ชื่อของคุณ ศักดิ์ฐานะ คุณวุฒิ ประสบการณ์ ผลงาน ความดีงามที่คุณสร้างสมมา สิ่งเหล่านี้อาจจะมีประโยชน์ในแง่ที่จะสอนให้คนอยู่ด้วยกันในสังคมได้อย่างสงบสุขตามสมควร แต่ในระดับลึกซึ้งที่จะพาคุณพ้นไปจากความวุ่นวายใจในตอนนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสมมุติบัญญัติซึ่งไร้สาระ คุณอย่าไปยึดติด ท้ายที่สุดการจะหลุดพ้นไปจากตรงนี้คุณต้องทิ้งคอนเซ็พท์เหล่านี้ไปให้หมด ไปอยู่กับความรู้ตัวของคุณเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ให้คุณเลือกตัดสินใจไปในทางที่จะทำให้จิตใจของคุณเบิกบาน คุณจะตัดสินใจอย่างไรก็ได้ จะหนีไปอยู่ไกลๆคนเดียวก็ได้ หรือจะอยู่ที่เดิมแบบปล่อยวางยอมรับสภาพปัจจุบันและยอมแพ้ทุกอย่างก็ได้ ขอแต่ให้มันเป็นการตัดสินใจที่ทำให้คุณหมดความขัดแย้งภายในใจและมีความเบิกบานใจ แล้วโรคของคุณก็จะมีโอกาสหาย

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

หนังสือคัมภีร์สุขภาพดี (Healthy Life Bible) จะพิมพ์ครั้งที่ 3 แน่นอนแล้ว เชิญสั่งซื้อได้

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

วิตามินดีเกิน 150 หมอบอกมากเกินไป ท้ังๆที่ไม่ได้ทานวิตามินดี

Life Skill Camp for Kids แค้มป์ทักษะชีวิตเยาวชนที่มิวเซียมสยาม 16 พย. 67