วิตามินเอ.กับความพิการของทารกในครรภ์
รบกวนสอบถามอาจารย์ค่ะ
เพิ่งทราบว่าตั้งครรภ์วันที่ 11 เมษา นี้ค่ะ
มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายวันที่ 1 มีนาค่ะ
ก่อนการตั้งครรภ์ได้รับประทานวิตามินบำรุงผิว ( มีวิตามินเอ 2500 IU ต่อเม็ด )
เริ่มกินประมาณวันที่ 1 มีนาค่ะ กินได้ประมาณ 1 อาทิตย์คะ กินวันละ 2 เม็ดค่ะ เช้ากับก่อนนอน
หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 15 กับ 16
มีนาค่ะ รบกวนสอบถามอาจารย์ว่า
ยาที่หนูกินเข้าไปจะส่งผลถึงเด็กในครรภ์มั้ยคะ เป็นอันตรายมั้ย
ฉลากยาที่หนูกินค่ะส่งรูปมาข้างท้ายนี้ค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากนะค่ะ
.......................................................
ตอบครับ
ก่อนจะตอบคำถาม
ผมขอย้ำก่อนนะว่าวิตามินเอ.เป็นสารในอาหารปกติที่มีความจำเป็นสำหรับการตั้งครรภ์ในแง่ที่ทำให้การแบ่งตัวและแปลงรูปร่างของเซล
(differentiation) เป็นไปอย่างปกติ
ผมจะตอบคำถามของคุณโดยแจงให้ทีละประเด็น
ประเด็นที่ 1.
วิตามินเอ.ทำให้ทารกในครรภ์พิการจริงหรือไม่ ตอบว่า “อาจจะจริง ถ้ากินมากเกินไป”
หลักฐานข้อมูลว่าวิตามินเอ.หากกินมากขณะตั้งครรภ์จะทำให้ทารกพิการ เป็นงานวิจัยเชิงระบาดวิทยาที่ตีพิมพ์ในวารสารนิวอิงแลนด์เมื่อยี่สิบปีมาแล้ว
โดยในงานวิจัยนั้นได้ตามดูหญิงมีครรภ์ 22,748 คน แล้วเปรียบเทียบการได้ลูกพิการของแต่ละคนกับขนาดของวิตามินเอ.ที่กินระหว่างตั้งครรภ์
ซึ่งงานวิจัยนี้พบว่าหากขณะตั้งครรภ์กินวิตามินเอ.มากกว่า วันละ 10,000 IU ขึ้นไป จะเกิดความพิการต่อทารกในครรภ์มากกว่าการตั้งของคนทั่วไป 3.7
เท่า คือเกิดความพิการได้ 1 รายจากหญิงตั้งครรภ์ที่กินวิตามินเอ.ขนาดสูงนี้
57 ราย ข้อมูลจากงานวิจัยนี้บ่งชี้ว่ายิ่งกินวิตามินเอ.ขนาดสูงมากขึ้น
ยิ่งมีโอกาสได้ทารกพิการมาก แต่อย่าลืมว่าทั้งหมดนี้เป็นการวิจัยตามดูกลุ่มคนโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบกับยาหลอก
พูดง่ายๆว่าเป็นหลักฐานระดับต่ำ แต่ว่าเราคงไม่มีโอกาสที่จะทำวิจัยหาหลักฐานระดับสูงกว่านี้อีกแล้วเพราะมันไม่ชอบด้วยจริยธรรมที่จะเสี่ยงทำวิจัยแบบนั้น
ดังนั้นแม้จะเป็นหลักฐานระดับต่ำ แต่ก็เป็นหลักฐานดีที่สุดที่เรามีอยู่
เราจึงต้องใช้ไปก่อน
ประเด็นที่ 2.
ถ้าจะกินวิตามินเอ. วันละเท่าไหร่ จึงจะปลอดภัย คำแนะนำของวงการแพทย์ที่ยอมรับกันทั่วไปสำหรับทุกคนรวมทั้งคนคั้งครรภ์ด้วยคือ
ไม่ควรกินวิตามินเอ.เสริมเกินวันละ 4,000 – 8,000 IU ความจริงอาหารที่กินอยู่ทุกวันก็มีวิตามินเอ.อยู่แล้ว
อาหารที่มีวิตามินเอ.มากก็เช่นตับ นม ไข่ เนื้อ ไก่ ปลา หากกินอาหารเหล่านี้อยู่ประจำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกินวิตามินเอ.เสริมแต่อย่างใด
ประเด็นที่ 3.
หากรู้ว่าจะตั้งครรภ์และกินวิตามินเอ.ขนาดสูงๆอยู่
ต้องงดวิตามินเอ.ขนาดสูงๆก่อนตั้งครรภ์กี่วันจึงจะปลอดภัย ตอบว่ากี่วันไม่มีใครบอกได้หรอกครับ
เพราะไม่เคยมีหลักฐานวิจัยเรื่องนี้ แต่จากความรู้ที่ว่าวิตามินเอสะสมอยู่ในร่างกายได้นานเป็นเดือน
จึงมีความเป็นไปได้ที่การกินวิตามินเอ.ขนาดสูงๆจะยังมีผลต่อทารกในครรภ์แม้ว่าจะหยุดกินก่อนตั้งครรภ์นานร่วมเดือน
ประเด็นที่ 4.
เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายใช้ผลิตเป็นวิตามินเอ.มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ด้วยหรือไม่
ตอบว่าเบต้าแคโรทีนไม่มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ไม่เพิ่มอุบัติการณ์เกิดทารกพิการในครรภ์
ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ไม่ต้องจำกัดผักผลไม้ซึ่งเป็นแหล่งหลักของเบต้าแคโรทีน
ประเด็นที่ 5.
ยาบำรุงที่คุณส่งฉลากมาให้ดูนั้น อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่ยา มันเป็นอาหารเสริมที่พยายามทำบรรจุภัณฑ์หลอกให้ดูเป็นยา
เข้าใจว่าการทำเช่นนั้นทำให้เกิดความรู้สึกแรงและขลัง ผมดูฉลากแล้วไม่มีอะไรที่มีผลเสียต่อทารกในครรภ์
ระดับของวิตามินเอ. 2,500 IU ต่อวัน ก็ไม่ได้สูงจนทำให้อุบัติการณ์ของทารกพิการเพิ่มมากขึ้น
สารตัวอื่นๆที่บอกชื่อไว้ในฉลากเป็นโมเลกุลอาหารปกติเพียงแต่เขาบอกชื่อเป็นภาษาละตินเพื่อไม่ให้คนซื้อรู้ว่ามันคืออะไร
เพราะถ้ารู้ว่ามาจากอาหารพื้นๆธรรมดาๆก็คงไม่ซื้อ
เขียนมาถึงตรงนี้ผมอยากจะย้ำกับท่านผู้อ่านอีกครั้งนะครับว่า
สถิติข้อมูลทางการแพทย์ปัจจุบันยัง “ไม่พบ” ว่าจะมีอาหารเสริมหรือวิตามินเสริมตัวไหนที่คนธรรมดาๆกินแล้วจะมีชีวิตยืนยาว
หรือมีผิวสวยขึ้น หรือมีสุขภาพดีขึ้น เมื่อเทียบกับกินยาหลอก จึงไม่ต้องแปลกใจที่บรรดาอาหารเสริมเหล่านี้ไม่มีตัวไหนอยู่ได้นาน
ล้วนทยอยล้มหายตายจากไปจากตลาด แต่ก็จะมียี่ห้อใหม่ๆหรือชื่อใหม่ๆหนุนเนื่องเข้ามาแทนไม่ขาด
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Rothman KJ, Moore LL, Singer MR, Nguyen UD, Mannino S, Milunsky
A. Teratogenicity of High Vitamin A Intake. N Engl J Med 1995; 333:1369-1373November 23, 1995. DOI: 10.1056/NEJM199511233332101