อย่างไรเสีย ชีวิตเขามีไว้ให้รื่นเริงนะ (After all, life is to enjoy)
กระผมอายุุ 70 ปี 2 เดือน ได้รับผลบุญจากการได้อ่าน block ของคุณหมอ ทำให้มีสุขภาพดีขึ้นทั้งกายและจิต จากเดิม น้ำหนัก 81 ก.ก. มาเป็น 66 ก.ก. ความดัน จาก 164/96 มาเป็น 128/67 และเรื่องปวดเข่าสาหัสมาก
ผมต้องเดินถอยหล้งลงกระได ทั้งที่บ้านและที่อื่นๆ โดยเฉพาะธนาคารต่างๆในปากช่อง (ออมสิน
23 ขั้น กรุงไทย 25 ขั้น) เลิกไปกันเลย
หลังจากได้อ่านคำแนะนำของคุณหมอเรื่่องข้อเข่าเสื่อมและวิธีเยียวยาด้วยการใช้กระไดแล้ว
ภายในเวลา 4 วัน ผมก็สามารถเดินหน้าลงกระไดเหมือนผู้คนอื่นๆได้
ขอขอบพระคุณคุณหมออย่างยิ่งๆๆๆๆๆๆ
ด้วยความนับถือ ชื่นชม และศรัทธา ผมก็จะพยายามกระทำดี
ช่วยเหลือผู้อื่น เท่าที่จะทำได้ ในเวลาที่เหลือไม่มากของผม
ขอให้คุณหมอและครอบครัวมีความสุข ไม่ว่าอะไรจะเป็นไปอย่างไรก็ช่างบุพการีของฝ่ายหญิงของพวกเขาเถอะ
ขอแต่ให้คุณหมอและครอบครัวมีความสุขก็แล้วกัน ให้เหมือนโฆษณาของ BUICK ที่ว่า After
all, life is to enjoy.
……………………………………………………..
ตอบครับ
1.. ผมหยิบจดหมายของคุณพี่มาตอบ
ทั้งๆที่คุณพี่ไม่ได้ถามอะไร ด้วยเหตุผลเดียว คือผมอยากจะให้ท่านผู้อ่านระดับซีเนียร์ของบล็อกนี้ซึ่งมีจำนวนมากที่ชอบเขียนมาโอดโอยเรื่องปวดเข่าปานประหนึ่งว่าชีวิตนี้จะดับดิ้นแล้ว
ทั้งๆที่หลายท่านยังเพิ่งเลข 6 นำเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงเลข 7
อย่างคุณพี่เลย ได้เห็นตัวอย่างของคนธรรมดาตัวเป็นๆอย่างคุณพี่ ที่อายุก็มากกว่า
โรคก็มากกว่า คือมีความดันสูงด้วย ปวดเข่าก็มากกว่าคือปวดจนเดินขึ้นบันไดธนาคารไม่ได้
แต่ยังประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง ด้วยการลดน้ำหนัก และใช้บันไดออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าขาและหลังขา
จนกลับมามีชีวิตที่มีคุณภาพได้ ดังนั้นจดหมายของคุณพี่แม้จะไม่ได้ถามอะไร แต่ก็มีคุณค่าตรงที่เป็นแบบอย่าง (role model) ที่ดีสำหรับผู้สูงอายุที่กำลังถอดใจพ่ายแพ้ต่อโรคข้อเข่าเสื่อมและยอมถอยเข้ามุมไปใช้ชีวิตอย่างไร้คุณภาพอีกจำนวนมาก
2.. คุณพี่พูดถึงโฆษณารถเก๋งบูอิค
โห.. สมัยผมไปที่นั่น คนอเมริกันเลิกใช้รถบูอิคไปนานแล้วครับ ช่วงผมไปที่นั่นเขาเปลี่ยนมาใช้ฮอนด้าแอคคอร์ดกันซะเกือบหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม จดหมายของคุณพี่ทำให้ผมนึกขึ้นได้แว้บหนึ่งว่าผมเคยเก็บรูปบ้านชนบทฝรั่งแบบคลาสสิกหลังหนึ่งซึ่งผมชอบตรงที่เอาไม้แป้นเกล็ดแต่งผนังคู่กับหน้าต่างกระจกใส
จึงเก็บรูปไว้เผื่อมีโอกาสปลูกเองสักหลัง และจำได้ว่าในรูปนั้นมีโฆษณารถยนต์บูอิคมีตราอินทรีย์บินและคำพูดคล้ายๆที่คุณพี่พูดถึงด้วย
ผมจึงกลับไปค้นหารูปนั้นในกรุดู แล้วก็เจอจริงๆ ฮั่นแน่ สโลแกนที่ผมไม่เคยสังเกตเห็นจนกระทั่งได้อ่านจดหมายของคุณพี่
“ BUICK
After all, life is to enjoy.”
ผมชอบสโลแกนนี้แฮะ..ขอบคุณครับ
3. เรื่อง มะละกอและกล้วยไม่ซีเรียสครับ
ไม่ว่าจะมาในรูปของต้นหรือผลผมรับได้ทั้งนั้น (อุ๊บ.. จริงใจมากไปเปล่าเนี่ย) ดูท่าคุณพี่นี่คงจะไม่ใช่ชาวไร่ธรรมดาซะแล้ว
ดูท่าทางคุณพี่จะเอาจริงและใส่ใจไปในทางวิเคราะห์วิจัยพันธุ์ด้วย ผมเรียกว่าเป็นชาวไร่พันธุ์โรแมนติกก็แล้วกัน ผมรู้จักชาวไร่พันธุ์นี้หลายคน ทุกคนจะได้มีประสบการณ์ที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ
“เสียเงิน”
หึ..หึ พูดถึงเรื่องทำไร่แล้วเสียเงิน นานมาแล้ว ประมาณปีค.ศ. 1995 ผมซึ่งชอบเกษตรเป็นพื้นอยู่แล้วได้ขับรถพาลูกเมียไปเที่ยวทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย แถบ Napa Valley ซึ่งเขาทำไร่องุ่นกัน ผมไปคุยกับชาวไร่ ถามพวกเขาว่าการทำไร่องุ่นมันดีไหม คนหนึ่งตอบผมว่า
“เสียเงิน”
หึ..หึ พูดถึงเรื่องทำไร่แล้วเสียเงิน นานมาแล้ว ประมาณปีค.ศ. 1995 ผมซึ่งชอบเกษตรเป็นพื้นอยู่แล้วได้ขับรถพาลูกเมียไปเที่ยวทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย แถบ Napa Valley ซึ่งเขาทำไร่องุ่นกัน ผมไปคุยกับชาวไร่ ถามพวกเขาว่าการทำไร่องุ่นมันดีไหม คนหนึ่งตอบผมว่า
“..มันเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง
ในการทำให้ทรัพย์สมบัติอันใหญ่โตของคุณเล็กลง”
(It is a good
way to make your big fortune small)
ผมจำได้ว่าตัวเองเผลอปล่อยก๊ากเพราะได้คำตอบที่ถูกใจมาก
แต่ถ้าคุณพี่จะทำไร่แบบโรแมนติกด้วย จะให้ได้สะตังค์ด้วยก็อย่าคิดว่าไม่มีคู่แข่งนะ
ไม่กี่วันมานี้เอง มีเพื่อนคนไทยพาฝรั่งชาวตุรกีคนหนึ่งมาเยี่ยมผมที่บ้านบนเขาที่มวกเหล็ก
พ่อหนุ่มฝรั่งคนนี้มาปักหลักทำไร่อยู่ที่หมูสี (เขาใหญ่) เขาเลี้ยงใส้เดือนเป็นล่ำเป็นสัน แล้วเอาฉี่ไส้เดือนมาผสมกับใบอะไรสักอย่างที่เขาเอาต้นพันธุ์มาจากตุรกี
แล้วทำเป็นปุ๋ยน้ำฉีดพ่นพืชที่เขาปลูก เช่น พาสชั่นฟรุต(เสาวรส) มะนาว มะละกอ แล้วก็เริ่มทำตลาดผลิตผลของเขาโดยเอามาให้ลูกค้าชิม เขาเอามะละกอของเขามาให้ผมชิมด้วย ผมยอมรับว่าหวานอร่อยดีมาก เขาเอารูปถ่ายต้นมะนาวของเขาให้ดูด้วย ซึ่งมันก็ดกสะพรั่งเต็มต้นจริงๆ เอารูปถ่ายเสาวรสให้ดูว่าปุ๋ยของเขาทำให้มันผิวเต่งตึงไม่เหี่ยวย่นเหมือนเสาวรสของทางเชียงใหม่อย่างไร ผมถามเขาว่า
“..เท่าที่ยูทำเกษตรในเมืองไทยมาเนี่ย
รายได้ยูมาจากผลผลิตตัวไหนมากที่สุด”
เขาตอบว่า
“..ขี้ไส้เดือน”
ฮะ ฮะ ฮะ ตะแล้น ตะแล้น ตะแล้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์