อย่าพาคนแก่สมองเสื่อม (dementia) ไปรักษาผิดที่

ติดตามอ่านบล็อกอย่างสม่ำเสมอนะคะ และได้ความรู้มาใช้ประโยชน์มากมายโดยเฉพาะกับพ่อ แม่ ค่ะ ตอนนี้ท่านอายุ 81 และ 82 ปี 

แม่เป็นมะเร็งท่อน้ำดีผ่าตัดเมื่อ พค.55 จะครบ 2 ปี พค.นี้ ตอนแรกหมอจะผ่า whipple op แต่พอผ่าเข้าไปแล้ว หมอทำแค่ตัดท่อน้ำดี CBD resection Rt, Lt hepatojejunostomy  ชิ้นเนื้อเป็น papillary adeno ca มีต่อมน้ำเหลือง 1 ต่อมที่มีเนื้อร้าย และ Rt hep duct not free margin 

สมองท่านเริ่มเสื่อม หลายปีก่อนท่านเป็นคนขี้โมโห ของขึ้นบ่อยๆ เวลาพูดเรื่องเก่า โดยเฉพาะคนที่ท่านไม่ชอบ โกรธ เกลียด เอาธรรมะมาพูดให้ฟังเรื่องการให้อภัย ก็จะโดนท่านโกรธไปด้วย ประมาณ 1 ปีก่อนป่วยโรคมะเร็ง เริ่มทำอะไรซ้ำๆ จัดของทั้งวัน จัดเข้าจัดออกอยู่นั่นแหละ ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นอาการของสมองเสื่อม

หลังผ่าตัดความจำค่อยๆ เสื่อมลงช้าๆ ตอนนี้พูดซ้ำๆ ถามซ้ำๆ ชอบเอาผลไม้ไปแช่ช่อง freeze เก็บผ้าที่แม่บ้านตากไว้ทั้งที่ยังไม่แห้งเป็นประจำเวลาเดิมๆ พอได้เวลา 4 โมงเย็น ชอบเข้าครัว ฉี่ราดเข้าห้องน้ำไม่ทันบ้าง ยังช่วยเหลือตัวเองได้ ขึ้นบันไดโดยมีคนช่วย พ่อยังไม่ยอมย้ายลงชั้นล่าง บอกว่าชั้นบนสะดวกกว่า เพราะมีห้องน้ำ ยังพอจูงกันขึ้นบันไดไหว ข้างล่างไม่มีห้อง ถ้ากั้นห้องก็อยู่ไกลห้องน้ำ

ส่วนพ่อก็คอยว่าแม่เวลาทำอะไรแปลกๆ เช่น ไปเก็บผ้าทำไม ยังไม่แห้ง ให้แม่บ้านเก็บ เราบอกว่าแม่สมองเสื่อมท่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจเหตุผล ให้พ่อคิดว่าท่านเหมือนเด็ก พ่ออยู่เฉยๆ อย่าไปว่าแม่เลย พ่อก็ทำไม่ได้ ปากไว คอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่คลาดสายตา จนแม่เรียกท่านว่าผู้จัดการ คือจัดการทุกเรื่องตั้งแต่หนุ่มจนแก่ แล้วก็มาบ่นให้เราฟัง ว่าแม่เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ สงสัยแก่ทั้งคู่ ฟังเหตุผลไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน พอๆกันเลยคู่นี้ 

หมอที่ดูแลแม่เคยให้ยา lexapro ก็ฉุนเฉียวน้อยลง เคยให้ risperidol กินแต่ท่านง่วงมาก พ่อก็เลยแอบหยุดยาเอง ตอนนี้แค่ติดตามเรื่องมะเร็ง ส่วนเรื่องสมองเสื่อมยังไม่ได้กินยา คิดว่าท่านอาจอยู่ไม่นานจากมะเร็ง แต่ทำไปทำมาดูแม่จะแข็งแรงกว่าพ่อซะอีก สมองเสื่อมคงทำให้ไม่เครียด ภูมิต้านทานดี มะเร็งไม่โตมั้ง ดูท่าท่านอาจสิ้นอายุขัยตามธรรมชาติก่อนมะเร็งกระจายซะอีก 

แต่พ่อก็ยังไม่วายมีความหวัง ท่านศรัทธาในยาจีน กินเองมาตั้งแต่หนุ่ม เขากวางเอย โสมเอย ฯลฯ ตอนนี้ก็ยังกินโสมทั้งที่ความดันเลือดสูง ท่านก็เลยให้ลูกชายคนเล็กที่หัวอ่อนหน่อย พาไปเยาวราช สำเพ็ง จะไปซื้อยาจีนแสนวิเศษที่รักษามะเร็งได้ แต่พอดีไม่มีขาย หาตั้งนานหาไม่ได้ แถมไม่บอกให้เรารู้ กลัวโดนดุ เดี๋ยวท่านคงไปหามาจนได้ ยาวิเศษนี้คงรักษาเมียรักให้หายจากมะเร็ง เอากับพ่อสิ
   
ส่วนตัวพ่อเอง ตอนนี้ท่านอายุ 82 ขี้กังวลเรื่องสุขภาพมาก เคยอึเป็นเลือด ส่องกล้องมีติ่งเนื้อที่ลำไส้ใหญ่ 5 ปีก่อน ตัดไปแล้ว เป็นต่อมลูกหมากโต กิน cardura อยู่หลายปี ยังบ่นเรื่องฉี่ยากอยู่เรื่อยๆ ไม่หายซักที ปีที่แล้วหมอให้ proscar กินไม่ทันไร นมโต ตกอกตกใจไม่กล้ากินยานี้อีก หมอบอกว่าหยุดยาก่อนได้ ถ้ามีอาการอีกค่อยกิน ตอนนี้ยาที่เหลือยังอยู่ในล่วมยาของท่าน แถมตอนนี้ไม่กล้าบ่นเรื่องฉี่กลางคืน ฉี่บ่อย อีกเลย กลัวนมโต ยาที่เหลือคงเก็บไว้ดู

เคยบอกท่านว่าอายุ เกิน 80 ไม่จำเป็นต้องตรวจ PSA ถ้ามีอาการ ก็กินยาเดิม ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอ 

2 เดือนก่อนเซ้าซี้จะตรวจโรคต่อมลูกหมากหลังจากหยุดไปพักนึง เพื่อนท่านเป็นโรคนี้หลายคน มีทั้งที่ผ่าตัดแล้วต้องคาท่อปัสสาวะ มีทั้งที่ตายจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ไปตรวจเลือด พบว่า PSA ได้ 12 ไปหาหมอบอกว่าอาจเกิดจากการอักเสบได้ยาฆ่าเชื้อมากิน ติดตามผลเลือด 1 เดือน  ได้ PSA 11 หมอนัดตัดชิ้นเนื้อศุกร์นี้ ก็ได้บทความของอาจารย์ให้ท่านอ่าน อ่านแล้วก็ยังจะไปตัดชิ้นเนื้อตามนัดอยู่ดี แอบไปโดยไม่บอกให้เรารู้ เฮ้อ หวังว่าไม่มีโรคแทรกนะ

คนแก่นี่ดื้อเหมือนเด็กๆเลย น่าส่งไปอยู่ co-ho ของอาจารย์จัง อ้าว.....ไปนินทาท่าน บาปกรรม เดี๋ยวตอนตัวเองแก่อาจดื้อกว่าท่าน กรรมตามสนอง

ตอนนั้นหมอโรคสูงอายุให้ตรวจ vit D ผลออกมาต่ำอย่างที่อาจารย์เพิ่งเขียน เริ่มกิน vit D แล้วค่ะ ส่วนหลังของท่านโค้งลงเรื่อยๆ หมอกระดูกดู X ray กระดูกสันหลังพ่อ บอกว่ากระดูกไม่ได้ยุบ แต่เป็นหมอนรองยุบ คงเป็นเพราะตอนหนุ่มๆทำงานหนัก ยกของหนัก จากที่เคยสูงกว่าลูกเคยโอบไหล่ลูก เดี๋ยวนี้ลูกชายคนเล็กเดินโอบไหล่พ่อซะแล้ว 

หลายปีก่อนตอนเก้าอี้นวดหลังกำลังทำการตลาด ลูกชายยอดกตัญญูนักซื้อ ซื้อมาให้ 1 ตัว ท่านถูกใจมากนอนดู TV หลับคาเตียงนวดถึงเช้า ไม่รู้เป็นเหตุให้หลังท่านงอลงเรื่อยๆหรือเปล่า หมอโรคข้อบอกว่าเหมือนจับท่านเข้าเฝือกด้วยเก้าอี้นวดเลย บอกให้ท่านนอนหงายบนเตียงหลังจะได้ไม่งอ ท่านไม่เชื่อ ก็เตียงนวดมันนอนสบายดีนี่นา ตอนนี้นอนหงายไม่ได้หลังโก่งเป็นหลังเต่าซะแล้ว นอนหงายหัวลอย กระดูกหลังทิ่มเตียง มันปวดน่ะ 

ลูกคนนี้เป็นจ้าวประจำเวทีเสื้อเหลืองยุค.... ไปแทบทุกคืน ก็เลยเชื่อนาย ...... ไม่กล้าใช้ไมโครเวฟตามที่นายคนนี้บอก ดีนะไม่ไปสวนล้างลำไส้กะเค้าด้วย แต่ก็ซื้อเครื่องทำน้ำ Mret โมเลกุลหลายเหลี่ยมที่อาจารย์เคยเขียนแล้ว ตอนที่แม่เป็นมะเร็ง แกภูมิใจเสนอมาก น้ำ Mret ในแก้วใสปิ๊ง แจกกินทั้งทั้งบ้าน ราวกับชนแก้วดื่มอวยพร สงสัยแม่จะหายจากมะเร็งเพราะน้ำวิเศษนี้ ดีนะที่ยังไม่ได้ซื้อเครื่องทำน้ำด่าง แต่ก็มียา อาหารเสริมสารพัด เต็มตู้ บางขวดหมดอายุไปแล้ว ทั้งที่ยังไม่เปิด แกเป็นคนใจดี ใจง่าย ใครขายอะไร ช่วยเค้าซื้อ จนจำไม่ได้ว่าซื้ออะไรไปบ้าง พวกขายตรงชอบแกมาก จบทันตแพทย์มานะนั่น

พ่อเองก็ใช่ย่อย สมัยที่ที่นอนแม่เหล็กทำตลาด ท่านก็ถอยมา 1 หลัง นัยว่าแม่เหล็กวิเศษนอนแล้วหายจากสารพัดโรค ห้ามเท่าไรไม่ฟัง ชักแม่น้ำกี่สายมาพูดก็ไม่เชื่อ ตอนนี้ที่นอนแม่เหล็กกองเป็นวัตถุโบราณอยู่บ้านเก่า พอกันพ่อลูกคู่นี้ถือเป็นการกระจายรายได้ส่งเสริมเศรษฐกิจ

พร่ามมาซะยาวแต่กลับไม่มีคำถามเลยเนอะ  

ทีนี้มาถึงจุดประสงค์ที่เขียนมา คือพิสูจน์อักษรงานถนัด เลือกเฉพาะที่อาจารย์อาจจะเข้าใจผิดแล้วกันนะคะ ไม่เอาที่พิมพ์ผิดนะ ตรงนี้ค่ะ


กรรมพันธ์ ที่ถูกต้องเป็น กรรมพันธุ์
[กำมะพัน] ว. มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์

คิด ฟุ้งสร้าน ที่ถูกต้องเป็น ฟุ้งซ่าน
ก. ไม่สงบ, พล่านไป, ส่ายไป, (ใช้แก่จิต).
สวัสดีค่ะ ขอให้ co-ho ประสบความสำเร็จนะคะ

...............................................................


ตอบครับ

คุณไม่ได้ถามอะไร แต่ผมก็ตอบ เพราะคุณพูดถึงการดูแลคุณพ่อคุณแม่ที่สูงวัยและเป็นโรคสมองเสื่อม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมชอบพูดถึงเหมือนกัน

เมื่อประมาณสิบกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นผมไปทำงานให้สมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) ที่เมืองดัลลัส ว่างจากงานผมก็ตระเวณดูสถานที่เลี้ยงดูคนแก่ซึ่งเป็นของชอบ ผมไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว มีคุณยายคนหนึ่งพาผมเดินชมสถานที่ ห้องนั่งเล่น ห้องดูหนัง ห้องอาหาร แล้วพาเดินสนามดูบ้านคนสูงอายุ แล้วเอาไม้เท้าชี้ไปที่ตึกสี่ชั้นหลังบะเร่อหลังหนึ่งแล้วบอกผมว่า

“นั่นคืออัลไซเมอร์ยูนิต คุณอยากเข้าไปดูไหม”

ผมส่ายหัวเดียะ เพราะตึกที่ผมเห็นข้างหน้านั้นมันก็คือคุกดีๆนี่เอง มาตรฐานการดูแลคนไข้สมองเสื่อมสมัยนั้น เป็นแบบนั้น คือจับขังซะ หมดเรื่อง

เมื่อปีกลายนี้เองผมดูหนังเรื่องอนุทินชีวิตของหญิงเหล็ก มากาเร็ต แทชเชอร์ บั้นปลายชีวิตเธอเป็นโรคสมองเสื่อมเช่นกัน เธอก็ถูกจับขังเหมือนกัน แต่ว่าขังไว้ในทาวน์เฮ้าส์ที่เป็นบ้านเก่าของเธอเอง แม้จะดูดีหน่อย แต่ก็มีตำรวจมียามล้อมไว้แน่นหนา วันหนึ่งเธอใช้ลูกเล่นหลบตำรวจออกประตูบ้านไปซื้อของที่ตลาดเองได้ ดูเธอจะมีความสุขมาก แต่ก็ตกใจที่ราคานมสดจากเต้าได้ขึ้นไปจากครั้งสุดท้ายที่เธอมาช็อพเกือบเท่าตัว พวกตำรวจพอรู้ว่าเธอเล็ดลอดออกไปก็ตามหากันจ้าละหวั่น แต่ในที่สุดเธอก็กลับมาบ้านเอง พวกตำรวจผู้น้อยโดนนายตำหนิเสียเป็นกระบุง ที่เล่าถึงหนังเรื่องนี้ก็เพื่อจะประกอบว่าแม้ไม่กี่ปีมานี้เอง วิธีรักษาคนเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง คือ..จับขัง

การรักษาสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ด้วยวิธีจับขังเป็นวิธีที่ไม่เวอร์คแน่นอน เพราะสมองเสื่อมเป็นโรคระบาดที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว สถิติบอกว่าคนอเมริกันอายุเกิน 60 ปี หนึ่งคนจากทุกๆสามคนเป็นโรคสมองเสื่อม ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่าทุกปีมีคนทั่วโลกได้รับวินิจฉัยว่าเป็นสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น 7.7 ล้านคน และคาดหมายว่าในปีค.ศ. 2050 จะมีคนเป็นโรคสมองเสื่อมทั่วโลก 135 ล้านคน ต่อไปเราจะเอาคุกที่ไหนมาขังคนสมองเสื่อม 

การรักษาด้วยยาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไปได้ ยาที่คุณเอาให้คุณพ่อคุณแม่ทานนั้นมันไม่ได้รักษาสมองเสื่อม น่าเสียดายที่วงการแพทย์เราไม่มียาหรือวิธีรักษาสมองเสื่อม และจะยังไม่มีในอีกหลายปีหรือหลายสิบปีข้างหน้านี้ ยาที่หมอเคารพนับถือกันว่าเป็นยาวิเศษในการรักษาสมองเสื่อมสองตัวคือ ยาต้านเอ็นไซม์โคลีนเอสเตอเรส (choline esterase inhibitors - ChEIs) และยาเสริมการส่งสัญญาณที่ปลายประสาทผ่านกลูตาเมท ชื่อยา menantine แม้งานวิจัยเปรียบเทียบจะพบว่าบรรเทาอาการได้ดีกว่ายาหลอกเล็กน้อย แต่ก็ยังห่างไกลจากความเป็นยาที่จะใช้รักษาโรคนี้ให้ได้ผล ทั้งกลไกการออกฤทธิ์ของยาทั้งสองตัวนี้ก็ไม่ได้ไปสะกิดสะเกาเหตุที่แท้จริงของโรคคือการเสื่อมสลายของเซลสมองแม้แต่น้อย 

ดังนั้นการดูแลคนแก่สมองเสื่อมจึงต้องมุ่งไปที่ว่าจะทำอย่างไรให้คนแก่สมองเสื่อมมีคุณภาพชีวิตบั้นปลายที่ดีที่สุดวิธีเดียวเท่านั้น วิธีอื่นยังไม่มี การประชุมวิชาการเรื่องสมองเสื่อมในระดับนาๆชาติกี่ครั้งๆก็ได้ข้อสรุปเหมือนเดิมว่าวิธีรักษาคนสมองเสื่อมที่ดีที่สุดคือให้อยู่บ้านเดิมไปให้นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ ให้ทำกิจกรรมที่เคยทำมาแบบเดิมๆไปให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้  การรักษาสมองเสื่อมจึงเป็นเรื่องการปรับตัวของชุมชน เป็นงานของลูกหลานในครอบครัว เพื่อนบ้าน ชุมชน อบต. เทศบาล ไม่ใช่งานของหมอสันต์ ทั้งไม่ใช่งานของโรงพยาบาลด้วย และแน่นอนว่าไม่ใช่งานของคุกหรือสถานกักกัน ดังนั้นคุณอย่าพาพ่อแม่ที่สมองเสื่อมไปรักษาผิดที่

          ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะ ที่ตำบลแฮกซบี (Haxby) นอกเมืองยอร์ค (York) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอังกฤษ
ไปสัก 8 กม.ได้ มีร้านกาแฟร้านหนึ่งชื่อ Aroma Coffee Shop ร้านกาแฟแห่งนี้มีประสบการณ์ในการดูแลคนแก่ขี้หลงขี้ลืมดีมาก ประเภทที่มายืนเกาะเคาน์เตอร์แล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม นี่เป็นลูกค้าระดับธรรมดา เพราะพวกลูกหลานชอบเอาคนแก่ขี้หลงขี้ลืมมาฝากทิ้งไว้ที่นี่เป็นชั่วโมงๆขณะที่ตัวเองปลีกตัวไปช็อปปิ้ง เมื่อมีประสบการณ์กับคนแก่ขี้หลงขี้ลืมมากเข้า ร้านกาแฟแห่งนี้ก็เลยเปิดอบรมหลักสูตร “มีชีวิตอยู่กับคนขี้หลงขี้ลืม” ซึ่งใช้เวลาเรียนถึง 3 สัปดาห์ เสียเลย ปรากฏว่าเป็นหลักสูตรที่ฮอท มีคนมาลงทะเบียนเรียนมากเกินความคาดหมาย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการปรับตัวของชุมชนในการดูแลคนขี้หลงขี้ลืม  

          ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อหมู่บ้านฮ็อกวีย์ (Hogeweyk) เป็นหมู่บ้านที่
สร้างขึ้นมาให้คนขี้หลงขี้ลืมทุกระดับอยู่โดยเฉพาะล้วนๆ แม้เนเธอร์แลนด์จะเป็นประเทศหนาวดับจิต แต่อย่าจินตนาการว่าหมู่บ้านนี้จะทึนทึกนะ ผิดแน่นอน บรรยากาศของหมู่บ้านนี้ออกแนวหมู่บ้านพักสุดสัปดาห์แถวฟลอริด้าเลยเชียว ผมเอารูปถ่ายมาให้ดูด้วย บรรยากาศหมู่บ้าน มีร้านกาแฟ ร้านของชำ ร้านทำผม ร้านอาหารของเขาก็เจ๋งนะ จนชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงชอบมากินอาหารเย็นกันบ่อยๆ หมู่บ้านนี้ออกแบบให้คนสมองเสื่อมอยู่ง่าย พื้นที่อาคารออกแบบตรงๆตรงไปตรงมาชัดๆ ชุมชนแบบง่ายๆไม่ซับซ้อนชวนหลงทาง ป้ายบอกทางตัวโตๆและมีรูปประกอบ เจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านทุกคนถูกฝึกสอนให้ดูแลคนสมองเสื่อมเป็น เช่นเสมียนแบงค์รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อลูกค้ามาถอนเงินแล้วลืม PIN code ในหมู่บ้านนี้แบ่งยูนิตที่พักอาศัยออกเป็นกลุ่มๆก็จริง แต่ก็ไม่ได้แบ่งตามโรคหรือตามความหนักในการดูแลอย่างเนอร์สซิ่งโฮมทั่วไป หากแต่แบ่งกลุ่มตามชอบหรือความหลังของคนแก่เอง เช่น กลุ่มนักวิชาชีพชาวกรุง, กลุ่มหญิงแม่บ้านที่ไม่ชอบออกนอกบ้าน, กลุ่มคนเคยอยู่อินโดนีเซีย เป็นต้น ชีวิตในหมู่บ้านคนขี้หลงขี้ลืมนี้จัดว่าดีที่สุดเท่าที่คนแก่ฝรั่งจะหาได้ ดีเสียจนลูกหลานซึ่งปกติเมื่อโยนพ่อแม่ที่ขี้หลงขี้ลืมเข้าโรงเลี้ยงคนแก่ไปแล้วก็จะ “เผลอลืม” มีอัตรามาเยี่ยมพ่อแม่มากกว่าโรงเลี้ยงคนแก่แบบธรรมดาทั่วไป

          การคิดสร้างสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ที่เอื้อให้คนแก่ขี้หลงขี้ลืมอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิต เป็นภารกิจของคนยุคนี้ทุกคน เพราะวันหนึ่ง ไม่ช้าหรอก เราทุกคนก็จะต้องแก่และขี้หลงขี้ลืม ถ้าเราไม่สร้างไว้ ไม่ว่าคุณหรือผมก็จะต้องไปอยู่ในคุกนะ จะเอาหรือ..

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์


ปล. ขอบคุณมากที่สอนภาษาให้ นั่นเป็นสิ่งดีๆขาดหายไปจากชีวิตในวัยต้นของผม คือในวัยเด็ก ผมมีครูภาษาอังกฤษที่ดี และผมรักท่าน ผมมีครูภาษาไทยที่ดี แต่ผมไม่รักท่าน เวรก็ตกอยู่แก่ผมวันนี้สิ เห็นไหมครับ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

กินคีโตไข่ต้มไก่ต้มทุกวันแล้วหลอดเลือดหัวใจตีบ

ความแก่..เหมือนหมาถูกต้อนเข้ามุมให้จนตรอก

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี