บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก เมษายน, 2013

กินยาเก้าท์ (allopurinol) แล้วมีอาการคัน

เรียนคุณหมอที่นับถือ ปัจจุบันผมอายุ 62 ปี  สุง 175 ซม.  น้ำหนัก 67 กก. ออกกำลังกายโดยการซ้อมตีกอล์ฟวั นเว้นวัน  ครั้งละประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง   ดื่มเบียร์วันละประมาณ 1 ขวด มีโรคประจำตัวคือ 1.   ความดันสูง  ทานยา   Enaril 5 mg.   วันละ 1 เม็ด 2.   ไขมันในเลือดสูง  ทานยา   Lipitor 20 mg.   วันละ 1 เม็ด 3.   โรคเก๊าท์  ทานยา   Allopurinol 100 mg. วันละ 1 เม็ด 4.   ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ช่วง   upper limit   ดูแลโดยการพยายามคุมอาหาร และออกกำลังกาย ยาทั้ง 3 ตัวนี้ทานมาตลอดได้ประมาณ 15 ปีแล้ว และมีผลการคุมอาการดั งผลจากการเจาะเลือดในระยะ 2 ปีล่าสุดตามข้างล่างนี้                           กพ '54     เมย '54     มิย '54     กย '54     ธค '54 Glucose(FBS)        107        113       113       113        95 HbA1c                      -            -           -            -         5.9 Creatinine                 -            -           -          1.1         - Uric Acid                   -            -           -          7.6       5.8 Triglyceride  

โรคเก้าท์เทียม (Pseudogout)

เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ ดิฉันอายุ 56 ปี น้ำหนัก 80 กก. สูง 164 ซม. กำลังรักษา hypothyroid โดยแพทย์ให้ทางฮอร์โมนไทรอยด์ ตอนนี้มีอาการปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะบริเวณใกล้ข้อ และในข้อเช่นข้อเข่าทั้งสองข้าง มีอาการบวมรอบๆเข่าและที่หน้าแข้งด้วย เวลาเช้าหน้าแข้งจะบวมชัดเจน ไปหาหมอโรคข้อให้ตรวจเรื่องโรครูมาตอยด์ก็ได้ผลปกติ ระดับกรดยูริกก็ไม่สูง (5.4) แต่เจ็บปวดทรมานมาก บางครั้งก้มลงไปหยิบของแล้วเงยขึ้นมาไม่ได้ เพราะหัวเข่าติดและไม่มีแรง จึงต้องคุกเข่าลงกับพื้นก่อน แล้วใช้มือเกาะดึงตัวเองขึ้นมาใหม่ ดิฉันไปอ่านในเน็ท คิดว่าอาการของดิฉันเข้าได้กับโรค pseudo gout เพราะดิฉันเป็น hypothyroid และมีปัญหาโซเดียมคั่งในร่างกายมากด้วย ดิฉันคิดจะไปตรวจเอ็กซเรย์เพื่อยืนยันว่าเป็น pseudo gout เพราะในเน็ทว่าโรคนี้ตรวจยืนยันได้ด้วยเอ็กซเรย์ ดิฉันอยากถามคุณหมอว่าถ้าเป็น pseudo gout ดิฉันควรจะได้รับการรักษาอย่างไร ............................................... ตอบครับ แม่เฮย.. สมัยนี้อินเตอร์เน็ทเนี่ยมัน “เน็ดขนาด” นะ เพราะอยากรู้อะไรหาได้หมด แต่ว่ามันเพิ่มงานให้หมอนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ผมสนับส

เบื่อการตรวจแมมโมแกรม (Mammography)

คุณหมอสันต์คะ หนูอายุ 52 ปี เรียกตัวเองว่าหนูได้นะคะ เป็นคนหน้าอกเล็ก แบบว่า ไข่ดาว เวลาไปตรวจเอ็กซเรย์เต้านม เวลาเขาเอาที่บีบมาบีบเต้านมจะรู้สึกเจ็บมาก ต้องขอให้เขาเปลี่ยนตัวเทคนิเชียนเป็นคนที่มือเบาๆตั้งหลายครั้งกว่าจะทำได้สำเร็จ หนูจึงรู้สึกเบื่อการตรวจแมมโมแกรมมากๆ พอครบรอบปีจะต้องไปตรวจอีกก็หงุดหงิดทุกปี แล้วคราวนี้หมอนัดเพียง 6 เดือน เพราะว่าไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง จะไม่ไปทำก็กลัวเป็นมะเร็ง หนูอยากจะถามคุณหมอว่าการตรวจแมมโมแกรมไม่ต้องทำบ่อยๆได้ไหม แบบว่าสักห้าปีทำทีแบบเนี้ยะ แล้วนอกจากแมมโมแกรม ไม่มีวิธีป้องกันมะเร็งวิธีอื่นเลยหรือ เช่นการคลำเต้านมตนเองแทนป้องกันไม่ได้หรือ ............................................. ตอบครับ 1.. คุณเรียกตัวเองว่าหนูได้ครับ ถ้าคุณดัชนีมวลกายไม่เกิน 25 กก/ตรม. (พูดเล่น) 2. มาตรฐานของการตรวจเอ็กซเรย์เต้านม ( mammography ) เทคนิเชียนต้องให้เครื่องบีบเต้านมให้แบนแต๊ดแต๋จนตัวเลขความแรง  ( pressure ) ของแผ่นที่บีบขึ้นถึงตามที่เครื่องตั้งไว้ จึงจะเอ็กซเรย์ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนเทคนิเชียนไม่ได้ทำให้เธอต้องบีบเต้านมของคุณให้เบาลงหรอกคร

อยากกินแอสไพริน (Aspirin) ป้องกันมะเร็ง

คุณหมอสันต์ครับ ผมอายุ 57 ปี น้ำหนัก 71 กก. สูง 166 ซม. ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ แต่กลัวจะเป็น เพราะเห็นเพื่อนคนหนึ่งอายุน้อยกว่าผมเพิ่งทำบอลลูนไป อีกคนหนึ่งอายุเท่าผมเสียชีวิตเพราะมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผมอยากหาวิธีป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งให้ตัวเอง ได้สอบถามเพื่อน (วิศวกร) ที่เป็นชาวต่างชาติ เขาบอกว่าให้กินยาแอสไพริน เพราะฝรั่งกินกันเกือบทุกคน ผมเปิดอ่านดูตามเน็ทก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าควรหรือไม่ควร จึงอยากปรึกษาคุณหมอสันต์ว่าถ้าผมจะกินยาแอสไพรินป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งอย่างที่เพื่อนฝรั่งบอก จะดีไหมครับ ........................................ ตอบครับ      แหมคุณมาถามคำถามยากเอาในวันที่สมองผมกำลังล้า คือผมเพิ่งกลับจากไปสอนเฮลท์แค้มป์ให้ชาวสิงคโปร์สามวันสามคืนมา ยังไม่หายเหนื่อยจากการฟังซิงค์ลิช คำถามของคุณดูเหมือนเป็นคำถามซื่อๆตรงไปตรงมา ว่าในคนที่อยู่สบายดีไม่เป็นโรคอะไรอย่างคุณนี้ จะกินยาแอสไพรินป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งดีไหม แต่การตอบแบบตรงไปตรงมาว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” ผมตอบไม่ได้ เพราะตอบไปแล้วคุณจะยิ่งเข้าใจชีวิตผิดไปหนัก จะเป็นบาปกับผมเปล่าๆ ถ้าคุณจะเอาคำตอบจริง ผมก็จะตอบให้

แด่..เจ้าแม่เซ่งจี๊ To Sir With Love

สงกรานต์นี้ผมขอนอกเรื่องไม่ตอบคำถามการเจ็บป่วยเสียหนึ่งวัน แต่จะขอเขียนถึง “คุณครู” สงกรานต์ เพื่อนๆที่เป็นนักเรียนชั้นประถมสี่รุ่นเดียวกัน ได้นัดหมายไปดำหัวคุณครูที่สอนพวกเราสมัยอยู่โรงเรียนหลังคาสังกะสี คือประมาณปีพ.ศ. 2507 คือเกือบห้าสิบปีมาแล้ว และพูดก็พูดเถอะ ตัวผมเองจากบ้านนอกคอกนามา ห้าสิบปี ไม่เคยโผล่ศีรษะกลับไปหาคุณครูเลย มันน่าสักเพี้ยะ..มั้ยละ คุณครูท่านแรกที่พวกเราไปหาเป็นคุณครูผู้หญิง ซึ่งเป็นคุณครูในดวงใจของผมทีเดียว เพื่อนๆบอกว่าตอนนี้คุณครูเป็นอัลไซเมอร์ไปแล้วนะ ท่านจำใครไม่ได้แล้ว แม้แต่ลูกสาวที่เฝ้าอยู่ข้างๆท่านยังจำไม่ได้ แต่พวกเราก็ยังเดินหน้าไปดำหัวท่านเพราะหลายคน เช่นอย่างตัวผมนี้เป็นต้น ไม่ได้เจอท่านมาเลยตั้งแต่จบชั้นป.สี่ เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าไม่แน่นะ ครูเห็นหน้าสันต์อาจจะปิ๊งอดีตขึ้นมาก็ได้ ผมได้แต่หัวเราะ เพราะตัวเองเป็นหมอย่อมรู้ดีว่าคนเป็นอัลไซเมอร์สมองเขาไม่สามารถเลือกจำหรือไม่จำใครเป็นคนๆได้หรอก เมื่อไปถึงผมดีใจมากที่เห็นหน้าคุณครู ท่านมองหน้าผม มองเข้าไปในดวงตาผมเหมือนที่ท่านเคยมองผมในอดีต และยิ้มอย่างมีเมตตาต่อผมอย่างในอดีต แต่ปากท่านบอกพ