อยากทราบมุมมองพุทธศาสนาของหมอสันต์
ผมอ่านเรื่ องราวมากมายของอาจารย์หมอ
ได้ความรู้และเข้าใจในหลายๆเรื่ องราวทางด้านการแพทย์และสุ ขภาพอนามัย รวมทั้งแง่คิดอื่นๆ (โดยเฉพาะที่ มีแพทย์คนหนึ่งถามไปในทำนองที่ ไม่อยากเป็นแพทย์
หรือดูจะไม่มีความสุขที่จะเป็ นแพทย์) แต่สิ่งที่ผมไม่เคยเห็ นในคำตอบจากอาจารย์หมอเลย คือมุมมองด้านพุทธศาสตร์หรือพุ ทธธรรมต่อการดำรงชีวิต
เพราะเห็นแต่อ้างถึงตำราหรื องานวิจัยของนักบริหารหรือนั กพฤติกรรมศาสตร์ฝรั่ง อยากฟังทัศนะด้านนั้นบ้างนะครับ
.............................................
ตอบครับ
คุณเป็นคนที่ช่างสังเกตมากนะครับ ถ้าคุณไม่บอกผมเองก็ไม่รู้นะเนี่ยว่าผมไม่เคยแสดงมุมมองด้านพุทธศาสนาเลยในบทความที่เขียน
พอคุณทัก ผมก็เห็นด้วยว่า เออ... จริงแฮะ สาเหตุมันคงเป็นเพราะผมไม่มีคุณวุฒิทางนั้น
คุณวุฒิสูงสุดที่ผมมีในสายนั้นคือการได้เป็นเด็กวัด สูงกว่านั้นไม่มี แค่สามเณรยังไม่เคยเป็นเลย
คนไม่มีคุณวุฒิในเรื่องใด โดยธรรมชาติย่อมเป็นคนนอกสำหรับเรื่องนั้น ย่อมจะรู้เรื่องนั้นไม่ลึกเท่าคนใน
จึงย่อมสงบปากสงบคำเป็นธรรมดา เพราะถ้าจะถือตามแบบอินเดียโบราณ ท่านย่อมว่า
“...ผู้โง่เขลาก็เป็นที่นับถือของที่ประชุมได้ ถ้าเขาแต่งกายงาม จนกว่าเขาจะพูดออกมา”
นั่นไงครับ เหตุผลที่ผมไม่พูด แหะ..แหะ
อีกเหตุผลหนึ่งคือผมมีอาชีพและมีหน้าที่ให้ความรู้คนทั่วไปในฐานะที่เป็นสมาชิกของวงการแพทย์
อันเป็นวงการของผู้ที่ทำมาหากินโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมจำกัดอยู่เฉพาะเรื่องที่วิจัยชั่ง
ตวง วัด และบวกลบคูณหารด้วยสูตรคณิตศาสตร์ได้ จะพูดจะสอนอะไรก็ต้องจำกัดอยู่เฉพาะเรื่องที่มีที่มาที่ไปมีงานวิจัยรองรับซึ่งคนฟังบางคนที่เขาไม่เข้าใจหรือยังไม่อยากจะเชื่อเขาจะได้ตามไปตรวจสอบให้เห็นจริงด้วยตัวเขาเองได้
ส่วนเรื่องอื่นที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนจนชั่งตวงวัดไม่ได้อย่างเรื่องศาสนาหรือปรัชญานั้นมันเกินหลักวิชาแพทย์ไปแล้ว
ผมมีความเห็นว่าแพทย์ไม่ควรไปยุ่งในขณะที่ยังสวมหมวกของแพทย์อยู่
ว่าจะไม่พูดแล้วเชียวนา แต่เมื่อคุณแหย่มามันก็เกิดความคันปาก ขอพูดอีกหน่อยนะ
คือในเรื่องธรรมะธรรมโมนี้ ผมรู้ตัวว่าตัวเองยังอยู่ห่างไกล ตามความเข้าใจของผมพุทธศาสตร์คือทักษะการใช้ชีวิต
ขึ้นชื่อว่าเป็นทักษะ (skill) มันก็ต้องมีการฝึกลงมือทำจึงจะทำเป็นแล้วเอาไปใช้ประโยชน์ได้
แต่วิชาแพทย์ที่ผมเรียนมานี้ส่วนใหญ่มันเป็นความรู้ (knowledge) ไม่ใช่ทักษะ การจะสอนทักษะให้กับคนที่สำคัญว่าตนเองมากไปด้วยความรู้เนี่ย
เป็นเรื่องยากและมีโอกาสสำเร็จต่ำมากนะคุณ เพราะมันจะเป็นแบบคำพังเพยที่ว่า
“สอนสังฆราชให้ว่ายน้ำ”
(เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์