เรื่องไร้สาระ (33) โปรเจ็ค: Kitchen Island

สัปดาห์นี้ไม่ต้องทำแค้มป์เพราะมีแพทย์ท่านอื่นมาทำแค้มป์เฉพาะโรคแทน ขอบคุณที่ช่วยสงเคราะห์ผู้สูงวัย ผมมีเวลามองหาอะไรสักอย่างที่ไร้สาระทำแล้ว สิ่งแรกที่ป๊อบอัพขึ้นมาในหัวก็คือทำโต๊ะกลางครัวหรือ Kitchen Island เสียใหม่ เพราะตัวเก่าที่ผมทำไว้สิบกว่าปีมาแล้วมันเล็กและคับแคบ เนื่องจากคุณหมอสมวงศ์เธอใช้ครัวแบบนานาชาติคือนอกจากจะทำต้มยำทำแกงแบบไทยๆแล้วยังทำขนมปังซาวโด ขนมปังแข็งบิสคอติแบบอิตาลี่ ทำเนยถั่วและแยมสาระพัดผลไม้ไว้กินเอง ยังไม่นับพวกคัมบูฉะซึ่งเลิกไปกลางคันเพราะรับมือกับการเติบโตของสโคบี้ไม่ไหว ทำให้บัดเดี๋ยวต้องเคลียร์ผิวโต๊ะเพื่อนวดแป้ง บัดเดี๋ยวต้องเคลียร์ผิวโต๊ะเพื่อหั่นแตงโมง แถมการออกแบบโต๊ะเดิมก็ไม่ถูกต้องด้วยหลักเออร์โกดีไซน์ ใช้ไปได้สักสิบปีเธอเริ่มบ่นว่าผิวโต๊ะต่ำไป ผมก็เสริมขาโต๊ะให้สูงขึ้น แก้ปัญหาไปได้ แต่บางปัญหาต้องมีวิธีแก้ที่ลึกซึ้งกว่านี้ เช่นเพื่อนบ้านเอาหม้อเหล็กญี่ปุ่นหนัก 5 กก.สำหรับอบขนมปังมาขายถูกๆให้ เธอก็ซื้อมาใช้ด้วยความยินดี แต่ผมแอบสังเกตเห็นเธอต้องโก้งโค้งก้มลงไปยกหม้อที่หนักอึ้งขึ้นมาจากพื้นใต้โต๊ะ ยังไม่นับที่แขวนของใช้มีไม่พอ ที่ครอบหูกันเสียงเมื่อใช้เครื่องปั่นต้องไปแชร์ที่แขวนร่วมกับเขียงเล็กเขียงใหญ่ จะใช้เขียงก็เกะกะที่ครอบ จะใช้ที่ครอบก็เกะกะเขียง ของที่ควรจะหาได้ง่ายๆเช่นยางรัดหรือไม่ขีดไฟ บทจะใช้จริงเดินทั่วครัวก็ยังหาไม่เจอ เพราะอัตคัตที่เก็บจึงต้องอพยพมันเรื่อยไป แถมการออกแบบครัวไม่ทำนึงถึงฟังชั่นทำให้ขั้นตอนการทำงานเยิ่นเย้อเช่นจะหั่นขนมปังทีต้องเดินไปปลดเขียงจากนู่น..น แล้วไปก้มเปิดลิ้นชักหยิบมีดทางนี้ แล้วมาหั่นขนมปังทางนั้น แล้วต้องล้างมีดทางโน้น ต้องเอามีดไปตากที่นู้น..น รอให้แห้งแล้วก็ต้องเอามีดเข้าที่เก็บในลิ้นชัก แทนที่จะทำที่เก็บเขียงไว้ตรงที่หั่น ทำที่เก็บมีดไว้ใกล้ๆให้ตากมีดให้แห้งไปด้วยเลย เป็นต้น สรุปว่า ทำโต๊ะกลางครัวใหม่เป็นการชอบด้วยเหตุผลทั้งปวง

เขียนแบบบนเศษกระดาษใช้แล้ว

พอผมเปรยถึงโครงการนี้ในโต๊ะอาหารเย็นกับเพื่อนๆ ก็ได้รับการตอบสนองในเชิงลบ

บ้างเสนอทางออกที่ง่ายกว่า ว่า

“คุณหมอซื้อโต๊ะอิเกีย สองหมื่นแปดส่งถึงบ้าน ไม่ต้องเหนื่อย”

บ้างสอนธรรมะแบบให้รู้จักยอมรับ

“ใช้โต๊ะเก่ามาได้ตั้งเกือบยี่สิบปีแล้ว ทนใช้ไปอีกหน่อยไม่ดีกว่าหรือ”

ผมได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร แต่กลับมาถึงบ้านก็หยิบกระดาษใช้แล้วขึ้นมาเขียนแปลน ผมเป็นคนชอบของโรแมนติก มันจะต้องเป็นโต๊ะไม้สนที่ท็อปเป็นไม้จริงๆหนาปึ๊ก เสาขนาดใหญ่ เข้ามุมแบบเนี้ยบ พื้นผิวทำงานบนโต๊ะไม่ต่ำกว่าสองตารางเมตร ชั้นล่างเป็นที่เก็บของแบบเออร์โก้ดีไซน์ ที่เก็บหม้อเหล็กหนักบรรลือโลกต้องยกสูงขึ้นมาใกล้เอวจะได้ไม่ต้องก้มลงไปยก ติดลิ้นชั้นเลื่อนออกแล้วถูกดูดกลับเข้าที่เองของฮาฟาเล่เอาไว้เสียบมีดและเป็นที่ตากมีดในตัวเพราะมีถาดรองรับหยดน้ำ เวลาจะใช้มีดก็ดึงลิ้นชักออกมา เวลาใช้เสร็จก็ดันลิ้นชักเข้าไปเก็บ ที่เก็บเขียงออกแบบให้เป็นช่องเสียบซ่อนไว้ใต้ผิวโต๊ะนั่นเองไม่ต้องไปแขวนรุงรังที่ไหน ด้านหน้าขวามือติดหิ้งกระจกครึ่งวงกลมสองชั้นแบบหมุนได้ของอิเกีย ซ้ายมือติดลิ้นชักไม้สนสองชั้นของอิเกีย เสาโต๊ะติดสวิงแร็คของโฮมโปรแบบใส่สาระพัดขวดเวลาจะใช้ก็หมุนแรคหยิบขวดได้โดยไม่ต้องมุดเข้าไปหาใต้โต๊ะ

เจ็ดวันทำเสร็จ เข้าประจำการแล้วเรียบร้อย

เขียนแปลนแล้วก็สั่งซื้อไม้สนจากลาซาด้า เคลียร์พื้นที่โรงรถเพื่อใช้ทำการ เพราะงานนี้งานช้าง จะไปทำการในเล้าไก่ไม่ได้ พื้นที่ไม่พอ จากนั้นก็ออกปากกับเพื่อนสายอุปกรณ์ขอยืมเครื่องตัดไม้แบบตั้งองศาได้อย่างละเอียด เพราะของผมมีแต่เลื่อยวงเดือนที่ใช้ซอยไม้แนวยาว เขาใจดียกเครื่องมือมาให้ถึงที่ พร้อมกับเอาอุปกรณ์เข้ามุมไม้ของต่างประเทศแบบใหม่ๆแกะกล่องมาให้ใช้ประมาณสี่ชุด ซึ่งต้องกล่าวด้วยความขอบคุณว่า ผมไม่ได้ใช้เลย แหะ แหะ แล้วก็ไปยืมซีแคล้มป์ที่ใช้รัดไม้เข้าหากันเวลาทากาวจากเพื่อนที่เป็นนายช่างอีกคนหนึ่ง

งานตัดไม้ผ่านไปด้วยดีโดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนนายช่าง งานเลื่อยผ่าซีกไม้เพื่อเป็นคานรับผิวโต๊ะมีเพื่อนมาช่วยสองคน รวมเป็นสาม รุมกันทำงานที่ผมเข้าใจว่าออกแบบให้ใช้คนๆเดียวทำ ทำให้ต้องมีการประสานงานด้วยวาจาเป็นอันมาก ผลก็คือเครื่องควันขึ้นและเหม็นไหม้ หิ หิ จะด้วยเหตุว่าเป็นเครื่องเก่า หรือด้วยเหตุว่านายช่างมีจำนวนแยะเกินไปผมก็ไม่แน่ใจ


Swing Racks ติดอยู่ที่ขาโต๊ะ

ผมเรียกผู้รับจ้างที่ใช้บริการประจำให้มาเอาเครื่องเลื่อยวงเดือนไปซ่อมที่ปากช่อง กำชับให้รีบดำเนินการเพราะงานใหญ่กำลัง in progress จะช้าไม่ได้ ไม่รู้เขาเอาไปซ่อมอีท่าไหน ซ่อมไปซ่อมมาได้เครื่องเลื่อยวงเดือนใหม่มาเครื่องหนึ่งแทน 6300 บาท..จบข่าว

งานต่อไปคือการอัดกาวแผ่นท็อปซึ่งเป็นไม้จริงๆแท้ๆขนาดหนา 4.5 ซม.เข้าด้วยกันให้เป็นแผ่นใหญ่ขนาด 100×200 ตร.ซม. แล้วขัดผิว ผมมีแผนจะใช้กาวลาเท็กซ์ซึ่งผมคุ้นเคย แต่เพื่อนผู้ชำนาญการพิเศษบอกว่า

“ลาเท็กซ์คุณภาพต่ำ ต้องใช้กาวไทท์บอนด์ ของอเมริกา” ผมสารภาพว่า

“เกิดมาผมไม่เคยได้ยินชื่อนี้ และของผมก็ไม่มี จะซื้อลาซาด้าก็ขี้เกียจรอ” เพื่อนคนหนึ่งว่า

“ของผมมีครึ่งหลอด” ผมบอกว่าไม่พอใช้หรอก เพื่อนอีกคนหนึ่งว่า

“ของผมมีเป็นลิตร”

ในที่สุดก็ได้ทดลองใช้กาวไทท์บอนด์ ซึ่งต้องสรุปว่า ของเขาดีจริงๆ

คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนประกอบโครงสร้างซึ่งเป็นขั้นตอนที่ควรจะใช้คนมากกว่าหนึ่งคน แต่ผมต้องทำคนเดียว เพราะเพื่อนๆเขาไม่ว่าง บางคนต้องไปหาหมอตามนัด บางคนต้องไปช่วย ม. ซักผ้า

ซากแตรวงเก่า แขวนเพื่อความเท่

พอตกเย็นลุงดอน คนสวน กลับจากตัดหญ้าแวะมาเอียงคอดูโต๊ะขนาดมหึมาที่ผมประกอบขึ้น และถามว่า

“แล้วคุณหมอจะเอาเข้าไปในบ้านยังไงครับ” ผมตอบว่า

“เป็นคำถามที่ดี”

คำถามของลุงดอนทำให้ต้องแยกงานเป็นสองขั้นตอน ประกอบเสากับพื้นชั้นล่างก่อนเพื่อให้เอียงโต๊ะเข้าประตูบ้านได้ ส่วนที่เหลือเอาไปทำต่อในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานละเอียดคือการติดตั้งหิ้งหับอุปกรณ์ต่างๆที่ซื้อมา ส่วนที่ซับซ้อนที่สุดคือการติดตั้งลิ้นชักไม้สนของอิเกีย โชคดีที่ได้ลูกชายมาช่วย ทันทีที่เขาสำรวจของเสร็จก็รายงานว่า

“พ่อซื้อของมาผิด ไม้ฝาปิดบนล่างเป็นคนละขนาดกับลิ้นชัก และไม่มีเหล็กไขว้หลังจะทำให้ลิ้นชักตั้งอยู่ไม่ได้ แสดงว่าพ่อต้องซื้อทางอินเตอร์เน็ท เพราะถ้าซื้อที่ร้านพนักงานเขาจะช่วยทักท้วง”

ผมเป็นคนไม่ชอบชักเข้าชักออก ซื้อของแล้วไม่ชอบคืน จึงบอกลูกว่าให้ประกอบไปบนสิ่งที่มี มันตั้งเองไม่ได้ก็ยึดมันกับส่วนของโต๊ะ ส่วนของที่ซื้อมาผิดพ่อจะหาวิธีใช้ประโยชน์เองภายหลัง

แล้วก็มาถึงงานลงน้ำมันเคลือบผิวไม้ เมื่อนำเสนอวาระนี้ในโต๊ะอาหารเย็น เพื่อนที่เป็นช่างไม้แนะนำให้ใช้แล้คเกอร์ ผมบอกว่า

“ผมทนสีเหลืองทองวาววับของแล็คเกอร์ไม่ได้”

เพื่อนที่เป็นศิลปินสีอะคริลิกแนะนำว่า

“ให้ใช้น้ำยาชนิด water-based ที่ใช้ทำความสะอาดภาพเขียนสีอะคริลิก มันไม่เปลี่ยนสีของพื้นผิวเลย แต่เคลือบเงาได้” ส่วนเพื่อนที่เป็นคนทำครัวก็ว่า

“แล้วมันจะไปทนการใช้งานแบบขูดขีดในครัวได้ยังไง” เออ..มีประเด็น ขอปิดประชุมก่อนยังไม่ต้องสรุปมติ

เรื่องไปจบที่ที่ปรึกษาใหญ่ พนักงานขายของร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง

“พี่เอางี้เลย เคมเกลซชนิดรองพื้นรุ่นใหม่ นี่.. ทาโดยไม่ต้องทาทับหน้า แล้วขัดกระดาษทรายน้ำ เชื่อหนู”

ผมเชื่อเธอ ถ้าไม่เพราะชื่อชั้นของเคมเกลซ ก็คงเพราะเธอมีท่าทางฉะฉานทะมัดทะแมงดี

ในที่สุดโปรเจ็ค Kitchen Island ก็สำเร็จด้วยดีในเวลา 7 วันตามแผน นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นหนึ่งของหมอสันต์ในปีนี้ ขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยให้โปรเจ็คนี้เป็นไปได้ และขอบคุณลูกชายที่มาทำงานส่วนที่เกินสมองของคนแก่จะทำได้ให้

เสร็จงานโต๊ะแล้ว ผมขี้เกียจขนเครื่องมือกลับเล้าไก่ จึงเกิดไอเดียว่าที่เล้าไก่มันคับแคบ ควรลดชั้นมันเป็นโรงเก็บจอบเสียมเสีย แล้วย้ายโรงช็อพมาไว้ที่โรงรถดีกว่า คิดได้แล้วจึงทาสีขาวให้โรงรถซะใหม่ เอาอุปกรณ์ช่างมาตั้งถาวร พบซากแตรวงเก่าอันหนึ่งถูกทิ้งอยู่ในเล้าไก่จึงหยิบมาแขวนเท่ๆ และเพื่อแสดงถึงความโรแมนติกและความเป็นศิลปิน ผมหารูปเก่าๆที่หมอสมวงศ์ลดชั้นลงมาจากบ้านใหญ่มาแขวนประดับเพื่อสร้างบรรยากาศแบบ Carpenter Shop Gallery

ไม่แน่นะ หนาวนี้อาจเป็นที่นัดกินน้ำชาตอนสายๆกันก็ได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

เปลี่ยนอาหาร ปั่นจักรยาน น้ำตาลลด ความดันลด แต่ไขมันทำไมไม่ลด

ท่านอายุเก้าสิบแล้วยังไม่รู้ แล้วท่านจะรู้มันไปทำพรื้อละครับ

สิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตคนเราคือความเบิกบาน (Joy)

มะเร็งต่อมลูกหมากแพร่กระจายไปกระดูกขาแล้ว จะไปต่อไงดี

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025