กลัวเข็มฉีดยาขี้ขึ้นสมอง ขอยาสลบเพื่อเจาะเลือด
ผมต้องไปเจาะเลือดเพื่อตรวจสุขภาพแต่ผมกลัวเข็มมาก แบบเห็นแล้วร้องดังเลย ผมอยากถามว่าถ้าจะต้องเจาะเลือดจริงๆ ผมจะขอทานยาสลบก่อนได้ไหม โดยผมจะให้ญาติพี่น้องสนิทไปนั่งคอยด้วย แบบนี้จะได้หรือป่าวครับ ถ้าไม่ได้เพราะอะไร อยากทราบสาเหตุที่ให้ยาสลบไม่ได้จริงๆ
..............................
ตอบครับ
1. ทำให้คุณสลบเพียงเพื่อจะเจาะเลือดไม่ได้หรอกครับ เพราะผิดหลักจริยธรรมวิชาชีพของแพทย์เขา คือแพทย์เขามีกฎเหล็กอยู่ว่าจะต้องไม่ทำอะไรที่มีโทษมากกว่าประโยชน์ เรียกว่าเป็นกฎข้อแรกของการประกอบอาชีพแพทย์เลยหละ (First rule, do no harm.) ถ้าหมอคนไหนใช้วิธีระงับความรู้สึกของคนไข้ซึ่งเป็นเรื่องที่มีภาวะแทรกซ้อนถึงตายได้ เพียงเพื่อจะระงับความรู้สึกเจ็บเท่ายุงกัดจากการเจาะเลือด หมอคนนั้นรับประกันโดนแพทยสภายึดใบประกอบวิชาชีพแน่นอน
2. ถ้าคุณอยากเอาชนะความกลัวอย่างจริงจัง ผมแนะนำให้ไปเรียนรู้จากเด็ก ถ้าห่วงว่าเขาจะไม่ให้เข้าไปดูคุณบอกผมให้แจ้งคลินิกเด็กของรพ.พญาไท 2 ก่อนก็ได้ ผมจะขอให้เขาอนุญาตให้คุณเข้าไปดูเป็นกรณีพิเศษ ให้คุณไปเรียนรู้ว่าเด็กอายุสองสามขวบที่ฉีดวัคซีนกันโครมๆเขารอดตายกันออกมาได้อย่างไร ความแตกต่างกันมันอยู่ที่การรู้จักสนองตอบต่อสิ่งเร้าอย่างชาญฉลาดเท่านั้นเอง สิ่งเร้าก็คือการที่คุณจะต้องเจาะเลือด การสนองตอบของคุณก็คือจินตนาการฟุ้งสร้านสติแตกที่เหลวไหลไม่มีขีดจำกัดจนกลายเป็นการสะกดจิตตัวเองไปเรียบร้อยว่า..กูตายแน่ละคราวนี้ แต่เด็กไม่มีจินตนาการเชิงลบเหล่านี้ แม้หลังฉีดแล้ว ถ้าคุณยังไม่เรียนรู้ที่จะสนองตอบต่อสิ่งเร้าอย่างชาญฉลาด คุณก็จะยิ่งเจ็บมากกว่าเด็ก แบบว่า..พยาบาลอะไรวะ มือหนักชิบ แถมหน้าบึ้งอีกต่างหาก แต่เด็กรับรู้ไปตามความเป็นจริง เจ็บแป๊บเดียวก็ร้องแป๊บเดียวแล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ ไม่เจ็บก็ไม่ร้อง เท่านั้น ไม่มีความคิดลบอื่นๆมาเสริม
การที่คุณกลัวเข็มฉีดยามากฟังดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องตลกเบาสมอง แต่พื้นฐานของเรื่องนี้คือคุณกำลังเรียนรู้ที่จะมีชีวิตแบบ "สุขยาก ทุกข์ง่าย" ซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางที่ชีวิตที่ดีควรจะเป็น คือ "ทุกข์ยาก สุขง่าย" ทำไม่ไม่เอาโอกาสที่จะได้มาเจาะเลือดนี่แหละ เป็นโอกาสที่จะได้หัดสนองตอบต่อสิ่งเร้าต่างๆที่เข้ามาในชีวิตแบบสร้างสรรค์และทำให้ชีวิตเราดีขึ้นละครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
..............................
ตอบครับ
1. ทำให้คุณสลบเพียงเพื่อจะเจาะเลือดไม่ได้หรอกครับ เพราะผิดหลักจริยธรรมวิชาชีพของแพทย์เขา คือแพทย์เขามีกฎเหล็กอยู่ว่าจะต้องไม่ทำอะไรที่มีโทษมากกว่าประโยชน์ เรียกว่าเป็นกฎข้อแรกของการประกอบอาชีพแพทย์เลยหละ (First rule, do no harm.) ถ้าหมอคนไหนใช้วิธีระงับความรู้สึกของคนไข้ซึ่งเป็นเรื่องที่มีภาวะแทรกซ้อนถึงตายได้ เพียงเพื่อจะระงับความรู้สึกเจ็บเท่ายุงกัดจากการเจาะเลือด หมอคนนั้นรับประกันโดนแพทยสภายึดใบประกอบวิชาชีพแน่นอน
2. ถ้าคุณอยากเอาชนะความกลัวอย่างจริงจัง ผมแนะนำให้ไปเรียนรู้จากเด็ก ถ้าห่วงว่าเขาจะไม่ให้เข้าไปดูคุณบอกผมให้แจ้งคลินิกเด็กของรพ.พญาไท 2 ก่อนก็ได้ ผมจะขอให้เขาอนุญาตให้คุณเข้าไปดูเป็นกรณีพิเศษ ให้คุณไปเรียนรู้ว่าเด็กอายุสองสามขวบที่ฉีดวัคซีนกันโครมๆเขารอดตายกันออกมาได้อย่างไร ความแตกต่างกันมันอยู่ที่การรู้จักสนองตอบต่อสิ่งเร้าอย่างชาญฉลาดเท่านั้นเอง สิ่งเร้าก็คือการที่คุณจะต้องเจาะเลือด การสนองตอบของคุณก็คือจินตนาการฟุ้งสร้านสติแตกที่เหลวไหลไม่มีขีดจำกัดจนกลายเป็นการสะกดจิตตัวเองไปเรียบร้อยว่า..กูตายแน่ละคราวนี้ แต่เด็กไม่มีจินตนาการเชิงลบเหล่านี้ แม้หลังฉีดแล้ว ถ้าคุณยังไม่เรียนรู้ที่จะสนองตอบต่อสิ่งเร้าอย่างชาญฉลาด คุณก็จะยิ่งเจ็บมากกว่าเด็ก แบบว่า..พยาบาลอะไรวะ มือหนักชิบ แถมหน้าบึ้งอีกต่างหาก แต่เด็กรับรู้ไปตามความเป็นจริง เจ็บแป๊บเดียวก็ร้องแป๊บเดียวแล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะ ไม่เจ็บก็ไม่ร้อง เท่านั้น ไม่มีความคิดลบอื่นๆมาเสริม
การที่คุณกลัวเข็มฉีดยามากฟังดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องตลกเบาสมอง แต่พื้นฐานของเรื่องนี้คือคุณกำลังเรียนรู้ที่จะมีชีวิตแบบ "สุขยาก ทุกข์ง่าย" ซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางที่ชีวิตที่ดีควรจะเป็น คือ "ทุกข์ยาก สุขง่าย" ทำไม่ไม่เอาโอกาสที่จะได้มาเจาะเลือดนี่แหละ เป็นโอกาสที่จะได้หัดสนองตอบต่อสิ่งเร้าต่างๆที่เข้ามาในชีวิตแบบสร้างสรรค์และทำให้ชีวิตเราดีขึ้นละครับ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์