Bulimia Nervosa เศร้ามาก และ..กลัวตาย
สวัสดีคะคุณหมอสันต์
หนูชื่อ......
หนูทรมานมาก
ล้วงคออ๊วกซ้ำซากมานานกว่า
8 ปี
เศร้ามาก
เหมือนหาทางออกไม่ได้
และกลัวตาย
หนูควรทำอย่างไรดีคะ
(ชื่อ)......
(เบอร์โทรศัพท์) .........
..................................................
ตอบครับ
1.. โรคที่คุณเป็นหมอเขาเรียกว่า
Bulimia nervosa ซึ่งหมายถึงคนที่กลัวอ้วน
และมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเอง
แล้วใช้วิธีกินแล้วรีบชดเชยด้วยการเอาออก จะด้วยการอ๊วก หมายถึงล้วงคอให้อาเจียน
หรือกินยาระบาย ยาถ่าย ยาขับปัสสาวะ ก็แล้วแต่
ทั้งหมดนี้ทำไปเพราะอารมณ์เครียดและคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจจะล้วงคอ
แต่มันมีแรงผลักดัน (impulse) ในใจ ซึ่งไม่อาจต้านทานได้
เหมือนกับคนลืมตัวขาดสติชั่วคราวแต่ว่าเกิดขึ้นซ้ำซาก คนเป็นโรคนี้
ส่วนหนึ่งจะมีความผิดปกติของอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีภาวะซึมเศร้า (depression) และภาวะกังวล (anxiety disorder) อยู่ด้วย ซึ่งผมชั่งน้ำหนักจากจดหมายสั้นๆที่ส่งมา
คุณมีเรียบร้อยแล้วครบทุกประการไม่ว่าจะเรื่องซึมเศร้าทุกข์ทรมาน หรือเรื่องกังวลกลัวตาย
2..
ถามว่าควรจะทำอย่างไรดี
คำแนะนำคำแรกเลยคือให้คุณไปหาความช่วยเหลือจากจิตแพทย์
เพราะโรคนี้เป็นโรคทางจิตเวช มีความละเอียดอ่อนอยู่ในทุกขั้นตอนของกระบวนการช่วยเหลือรักษา
และเป็นโรคที่หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะมีการพยากรณ์โรคที่ดี
หมายความว่าส่วนใหญ่จะหายได้
3..
หลักการดูแลรักษาของแพทย์สำหรับคนเป็นโรคนี้มีสองอย่าง
อย่างที่หนึ่ง คือการดูแลร่างกาย
คนเป็นโรคนี้มักมีปัญหาทางร่างกายหลายอย่างเช่น เช่นฟันเสีย
หลอดอาหารอักเสบเรื้อรัง ประจำเดือนไม่มา การให้โภชนะบำบัดเพื่อแก้ไขการขาดสารอาหารที่จำเป็น
เป็นต้น
อย่างที่สอง คือการแก้ไขจิตใจ ซึ่งประกอบด้วยการทำจิตบำบัดและพฤติกรรมบำบัดแบบ
Cognitive behavioral psychotherapy (CBT) เช่น
การสอนให้คิดใหม่ การสร้างพฤติกรรมใหม่ เช่นจดบันทึกอาหารที่ทาน (diary keeping) การวิเคราะห์เหตุนำเหตุร่วมของการชอบล้วงคอเพื่อนำไปสู่การแก้ไข
การปรับความคิดและมุมมองเรื่องน้ำหนักและภาพลักษณ์ เป็นต้น ในกรณีที่ความเครียดเกิดจากความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด
ก็ต้องรักษาด้วยการปรับความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด (Interpersonal psychotherapy -IPT) และที่ขาดไม่ได้ก็คือการรักษาครอบครัว
(family therapy) ไปด้วย เพื่อปรับเจตคติของคนในครอบครัวให้สนับสนุนการรักษา
ไม้สุดท้ายซึ่งหมอมักจะเผลอใช้เป็นไม้แรกเสมอก็คือการใช้ยา
เช่นยาต้านซึมเศร้า ยาคลายกังวล
4. นอกจากการไปรักษากับจิตแพทย์แล้ว
ผมแนะนำให้คุณทำจิตบำบัดและพฤติกรรมบำบัดให้ตัวเอง คุณทำได้ ไม่ยากหรอก หลักกว้างๆก็คือความคิดก่อให้เกิดพฤติกรรม
โดยมีแรงผลักดัน (impulse) เป็นตัวเชื่อมจากความคิดไปหาพฤติกรรม
impulse
นี้มักผลักดันเราไปสู่พฤติกรรมที่มากเกินพอดีในเรื่องอื่นๆด้วย
เช่นเรื่องการใช้จ่ายเงิน หรือแม้กระทั่งเรื่องเซ็กซ์ กระบวนการนี้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว
หรือเกิดขึ้นในใจเราตอนที่เราเผลอ ดังนั้นหัวใจของการรักษาแบบ CBT
คือการตามความคิดให้ทันก่อน โดยหัดให้คุ้นกับ “ที่นี่” และ “เดี๋ยวนี้”
สนใจแต่อะไรก็ตามที่อยู่ที่นี่ และเดี๋ยวนี้ อะไรที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
และไม่ใช่เรื่องของเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปคิดถึงหรือสนใจ การจะทำอย่างนี้ได้ต้องมีทักษะ
หมายความว่าต้องหัดทำซ้ำๆซากๆจนทำเป็น เมื่อใจอยู่ที่นี่เดี๋ยวนี้ได้บ้างแล้ว
จึงค่อยนำความคิดเก่าๆที่เป็นเหตุให้เราต้องล้วงคออ๊วกขึ้นมาท้าทาย ขึ้นมาคิดใหม่ (re-conceptualization) ท้าทายความเชื่อเดิม
ความคิดเดิม ทดแทนด้วยความคิดใหม่ที่มีเหตุผล
วางแผนพฤติกรรมใหม่ที่เข้าท่ากว่าพฤติกรรมเดิม ในการนี้ย่อมจะต้องมีการสอนตัวเองบ้าง
คุยกับตัวเองบ้าง และฝึกตัวเองให้รู้จักสนองตอบต่อสิ่งเร้าแบบใจเย็นๆและผ่อนคลายแทนการสนองตอบแบบรีบร้อนลนลานและเคร่งเครียด
ผมช่วยคุณได้แค่นี้แหละ
คือเป็นแค่ผู้ชี้ทาง คุณต้องออกเดิน ตนแลเป็นที่พึ่งของตน อย่างไรก็ตามคนรอบข้างก็อาจช่วยคุณได้บ้าง
หากคุณรู้จักเลือกคบ คนพันธ์ตะกวดที่คอยแต่จะใส่ไฟเอาประโยชน์จากการที่คุณมักขาดสติเผลอไผลตาม
impulse
คนอย่างนั้นอย่าไปคบ โบราณเขาถึงว่า “คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”
นั่นเรื่องจริงนะ ผมละเป็นห่วงคุณจริงๆ ขอให้คุณมีพลังดูแลตัวเองได้จนหายจากโรคนี้ และขอให้มีความสุขในชีวิตนะครับ
นพ.สันต์
ใจยอดศิลป์