ปรึกษาเรื่องอยากทำธุรกิจ..มาผิดที่เสียแล้วหนูจ๋า
หนูจบวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทำงานอยู่ที่... แต่ใจอยากจะออกจากงานมาทำธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ได้อ่านที่อาจารย์เขียนแนะนำให้ทำธุรกิจทางด้านโภชนะบำบัด หนูสนใจมาก เพราะตรงกับจริตของหนูที่สนใจในเรื่องสุขภาพและดูแลตัวเองในเรื่องสุขภาพมาตลอด อยากจะทำธุรกิจทางด้านนี้มาก ครอบครัวหนูมีห้องแถวในทำเลดีพอควรอยู่ที่จังหวัด .... อยากขอคำแนะนำเชิงกลยุทธ์จากอาจารย์ และขั้นตอนการปฏิบัติด้วยว่าควรทำอย่างไรด้วยค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะ
..........................................................
ตอบครับ
จะทำมาค้าขายทั้งที สมควรจะหาที่ปรึกษาให้มันดีๆหน่อย มาหาหมอสันต์เรื่องจะค้าจะขายเนี่ยคุณมาผิดที่ซะแล้วแม่คุณเอ๋ย คุณกลับไปเสียเถอะ ผมทำมาค้าขายเจ๊งของผมเองไม่เป็นไรเพราะผมไม่เดือดร้อนใคร แต่ผมไม่อยากเป็นคนทำให้คุณเจ๊งเสียผู้เสียคน
พูดถึงการหาที่ปรึกษาที่เจนจบเรื่องธุรกิจ ผมแนะนำให้คุณเข้าหาคนจีนที่เขาทำมาค้าขายอยู่ทั่วไปนั่นแหละ คุณไปคุยกับเขาเถอะ ผมประกันว่าไม่ผิดหวัง ส่วนพันธุ์ไทยอย่างหมอสันต์นี้คุณอยู่ห่างๆดีกว่า พูดถึงคนจีน เรื่องวิสัยทัศน์การค้าขายที่ยาวไกลมันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธ์ที่ฝังอยู่ในยีนสืบต่อกันมาช้านาน มีบันทึกไว้อย่างละเอียดพิศดารตั้งแต่สมัยเลียดก๊กโน่นแนะ
เนื่องจากผมไม่มีคำตอบให้กับคำถามของคุณ ผมเล่าเรื่องเกร็ดการค้าขายในสมัยเลียดก๊กให้คุณฟังแทนก็แล้วกันนะ อย่างน้อยคุณก็ยังได้เรียนรู้ว่าการมีวิสัยทัศน์ทางการค้าการขายนั้น ของจริงระดับคลาสสิกมันเป็นอย่างไร
เรื่องมีอยู่ว่าสมัยประมาณใกล้ๆยุคพระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ คือประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล เมืองจีนอยู่ในยุคที่เรียกว่าเลียดก๊ก คือแตกออกเป็นหกก๊ก หนังสือเลียดก๊กเล่าว่าที่ก๊กเตี๋ย มีตระกูลของนายลื่อปุ๊กอุ้ยเป็นพ่อค้าซื้อถูกขายแพงตั้งแต่รุ่นพ่อมาถึงรุ่นลูก จนมีทองคำแท่งเก็บตุนไว้เป็นพันๆตำลึง วันหนึ่งลื่อปุ๊กอุ้ยไปค้าขายที่เมืองฮำตัง ระหว่างทางได้มองเห็นชายหนุ่มชื่ออี้ยิ้ง มีใบหน้าดั่งทาแป้ง ริมฝีปากประหนึ่งทาชาดแดง แม้จะดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวแต่ก็มีสง่าราศี จึงถามผู้คนแถวนั้นจนได้ความว่าคนผู้นี้คือบุตรของอังก๊กกุง ราชโอรสของอ๋องแห่งแคว้นฉิน ถูกนำมาเป็นตัวประกันไว้ที่แคว้นเตี๋ย หวิดๆจะถูกอ๋องแห่งแคว้นเตี๋ยประหารทิ้งเสียหลายคราวแล้ว เงินทองก็ไม่มีใช้ ยากจน ขัดสน เป็นเจ้าชายถังแตก ลื่อปุ๊กอุ้ยจึงลูบคางตนเองแล้วว่า ....ข้ามาพบสินค้าหายากที่น่ากักตุนเข้าแล้ว
เขากลับไปเปิดบ้านประชุมสัมมนาการค้ากับพ่อของตัวเองซึ่งเป็นอดีตพ่อค้าใหญ่แต่แก่แล้วทันที โดยตั้งคำถามว่า
“ถ้าลงทุนค้าขายข้าวและสินค้าเกษตรจะได้กำไรกี่เท่า” พ่อตอบว่า
“ได้สิบเท่า” เขาถามอีกว่า
“ถ้าลงทุนค้าขายหยกและอัญมณีจะได้กำไรกี่เท่า” พ่อตอบว่า
“ได้ร้อยเท่า” เขาถามอีกว่า
“ถ้าลงทุนทำคนให้เป็นอ๋อง จะได้กำไรกี่เท่า” พ่ออึ้งไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า
“ได้เกินหมื่นเท่าขึ้นไป”
ลื่อปุ๊กอุ้ยจึงด้านหนึ่งใช้ทองคำเป็นสื่อเข้าหาเจ้าชายถังแตกอี้ยิ้ง วางแผนร่วมกันว่าจะใช้ทองคำกรุยทางให้อี้ยิ้งได้กลับไปแคว้นฉิน อิ้ยิ้งก็รับปากว่าเมื่อได้กลับไปเป็นใหญ่แล้วก็จะได้แบ่งผลประโยชน์กัน อีกด้านหนึ่งลื่อปุ๊กอุ้ยก็เอาเด็กสาวยอดนางรำเอ๊าะๆอายุสิบเจ็ดชื่อเตี้ยกีที่ตนเองเลี้ยงต้อยไว้มาตกแต่งเป็นเมียน้อย ลงมือทำลูกกันไปเรียบร้อยจนประจำเดือนขาดแน่ใจว่ากำลังตั้งท้องหมาดๆชัวร์ๆแล้ว จึงไปเชิญอี้ยิ้งมามอมเหล้าแล้วให้เตี้ยกีรำถวาย สาวเตี้ยกียามถวายสุราก็เป็นที่ต้องตาเจ้าชายนัก ตามสำนวนแปลของวิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์ ว่า...
"..มวยผมเบาม้วน ยวนเรไรขจี
คิ้วโค้งบางกวาดคีรีวสันต์
ริมปากแต้มแดงดอกเชอรี่หนึ่ง
ฟันขาวเรียงสองดุจหยกใส
หัวเราะน้อยนิดเปิดรอยยิ้มบาง.."
รินเหล้าเสร็จสรรพเธอก็แผ่ขยายแขนเสื้ออยู่บนผืนพรม ร่ายรำบทรำใหญ่รำเล็ก ถึงตอนนี้เจ้าชายอี้ยิ้งก็ถึงกับพร่ำพรรณนาออกมาเป็นโฉลกว่า
"..ร่างดุจมังกรเที่ยวท่อง
แขนเสื้อประดุจสายรุ้งบริสุทธิ์
พริ้ววนดุจขนนกต้องลม
เบาบางปานจะปนกับละอองหมอกละเอียด.."
อี้ยิ้งเมาแประ ตกหลุมรักเตี้ยกีถอนใจไม่ขึ้น ถึงกลับพลั้งปากขออีหนูคนนี้ของลื่อปุ๊กอุ้ยมาเลี้ยงดูแทน ลื่อปุ๊กอุ้ยทำฟอร์มโกรธว่า
“ข้ามีเจตนาดีเชิญเมียหลวงออกต้อนรับ ให้เมียน้อยรำถวายท่านเพื่อแสดงความเคารพนับถือ พระองค์กลับทรงแย่งความรักจากข้า เป็นมิตรภาพแบบใดกัน”
เจ้าชายตกใจพร่ำขอโทษว่าตนเองเมามายไร้สติไป แต่ลื่อปุ๊กอุ้ยก็ออกฟอร์มไปอย่างนั้นแหละ ในที่สุดก็ตามโผ อีหนูเตี้ยกีได้ไปเป็นเมียของอี้ยิ้ง อาศัยทองคำแท่งของลื่อปุ๊กอุ้ยกรุยทาง อี้ยิ้งก็ได้กลับไปอยู่แคว้นฉินและได้เป็นอ๋องแห่งแคว้นฉินในที่สุด แต่เรื่องยังเพิ่งเริ่มต้นนะครับ อย่าลืมว่าสิ่งที่พ่อค้าหัวแหลมลื่อปุ๊กอุ้ยลงทุนไว้นั้นไม่ใช่ทองคำ แต่คือดีเอ็นเอ.ของเขาที่อยู่ในมดลูกของนางระบำเตี้ยกี ซึ่งต่อมาคลอดออกมาเป็นเด็กชาย ต่อมาด้วยการชิงไหวชิงพริบกันแบบจักรๆวงศ์ๆจีนๆ เตี้ยกีก็ได้เป็นมเหสี เด็กชายลูกของเตี้ยกีคนนั้นต่อมาก็คือ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้เกรียงไกรในประวัติศาสตร์จีนนั่นเอง ไม่ต้องสงสัยว่าตอนที่จิ๋นซีฮ่องเต้ยังเด็ก เตี้ยกีผู้เป็นแม่ซึ่งว่าราชการหลังม่าน กับลื่อปุ๊กอุ้ยผู้เป็นพ่อตัวจริงซึ่งทำหน้าที่เป็นอำมาตย์ใหญ่ จะถอนทุนการค้ากันมันส์ระเบิดเถิดเทิงแค่ไหนอย่างไรบ้าง คงพอนึกภาพออกนะ
เอ๊ะ..วันนี้หมอสันต์เลอะเทอะหรือเปล่านี่ ไม่ตอบคำถามเขาแล้วยังพล่ามไร้สาระอีก ไปดีกว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะ
..........................................................
ตอบครับ
จะทำมาค้าขายทั้งที สมควรจะหาที่ปรึกษาให้มันดีๆหน่อย มาหาหมอสันต์เรื่องจะค้าจะขายเนี่ยคุณมาผิดที่ซะแล้วแม่คุณเอ๋ย คุณกลับไปเสียเถอะ ผมทำมาค้าขายเจ๊งของผมเองไม่เป็นไรเพราะผมไม่เดือดร้อนใคร แต่ผมไม่อยากเป็นคนทำให้คุณเจ๊งเสียผู้เสียคน
พูดถึงการหาที่ปรึกษาที่เจนจบเรื่องธุรกิจ ผมแนะนำให้คุณเข้าหาคนจีนที่เขาทำมาค้าขายอยู่ทั่วไปนั่นแหละ คุณไปคุยกับเขาเถอะ ผมประกันว่าไม่ผิดหวัง ส่วนพันธุ์ไทยอย่างหมอสันต์นี้คุณอยู่ห่างๆดีกว่า พูดถึงคนจีน เรื่องวิสัยทัศน์การค้าขายที่ยาวไกลมันเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าพันธ์ที่ฝังอยู่ในยีนสืบต่อกันมาช้านาน มีบันทึกไว้อย่างละเอียดพิศดารตั้งแต่สมัยเลียดก๊กโน่นแนะ
เนื่องจากผมไม่มีคำตอบให้กับคำถามของคุณ ผมเล่าเรื่องเกร็ดการค้าขายในสมัยเลียดก๊กให้คุณฟังแทนก็แล้วกันนะ อย่างน้อยคุณก็ยังได้เรียนรู้ว่าการมีวิสัยทัศน์ทางการค้าการขายนั้น ของจริงระดับคลาสสิกมันเป็นอย่างไร
เรื่องมีอยู่ว่าสมัยประมาณใกล้ๆยุคพระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ คือประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล เมืองจีนอยู่ในยุคที่เรียกว่าเลียดก๊ก คือแตกออกเป็นหกก๊ก หนังสือเลียดก๊กเล่าว่าที่ก๊กเตี๋ย มีตระกูลของนายลื่อปุ๊กอุ้ยเป็นพ่อค้าซื้อถูกขายแพงตั้งแต่รุ่นพ่อมาถึงรุ่นลูก จนมีทองคำแท่งเก็บตุนไว้เป็นพันๆตำลึง วันหนึ่งลื่อปุ๊กอุ้ยไปค้าขายที่เมืองฮำตัง ระหว่างทางได้มองเห็นชายหนุ่มชื่ออี้ยิ้ง มีใบหน้าดั่งทาแป้ง ริมฝีปากประหนึ่งทาชาดแดง แม้จะดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวแต่ก็มีสง่าราศี จึงถามผู้คนแถวนั้นจนได้ความว่าคนผู้นี้คือบุตรของอังก๊กกุง ราชโอรสของอ๋องแห่งแคว้นฉิน ถูกนำมาเป็นตัวประกันไว้ที่แคว้นเตี๋ย หวิดๆจะถูกอ๋องแห่งแคว้นเตี๋ยประหารทิ้งเสียหลายคราวแล้ว เงินทองก็ไม่มีใช้ ยากจน ขัดสน เป็นเจ้าชายถังแตก ลื่อปุ๊กอุ้ยจึงลูบคางตนเองแล้วว่า ....ข้ามาพบสินค้าหายากที่น่ากักตุนเข้าแล้ว
เขากลับไปเปิดบ้านประชุมสัมมนาการค้ากับพ่อของตัวเองซึ่งเป็นอดีตพ่อค้าใหญ่แต่แก่แล้วทันที โดยตั้งคำถามว่า
“ถ้าลงทุนค้าขายข้าวและสินค้าเกษตรจะได้กำไรกี่เท่า” พ่อตอบว่า
“ได้สิบเท่า” เขาถามอีกว่า
“ถ้าลงทุนค้าขายหยกและอัญมณีจะได้กำไรกี่เท่า” พ่อตอบว่า
“ได้ร้อยเท่า” เขาถามอีกว่า
“ถ้าลงทุนทำคนให้เป็นอ๋อง จะได้กำไรกี่เท่า” พ่ออึ้งไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า
“ได้เกินหมื่นเท่าขึ้นไป”
ลื่อปุ๊กอุ้ยจึงด้านหนึ่งใช้ทองคำเป็นสื่อเข้าหาเจ้าชายถังแตกอี้ยิ้ง วางแผนร่วมกันว่าจะใช้ทองคำกรุยทางให้อี้ยิ้งได้กลับไปแคว้นฉิน อิ้ยิ้งก็รับปากว่าเมื่อได้กลับไปเป็นใหญ่แล้วก็จะได้แบ่งผลประโยชน์กัน อีกด้านหนึ่งลื่อปุ๊กอุ้ยก็เอาเด็กสาวยอดนางรำเอ๊าะๆอายุสิบเจ็ดชื่อเตี้ยกีที่ตนเองเลี้ยงต้อยไว้มาตกแต่งเป็นเมียน้อย ลงมือทำลูกกันไปเรียบร้อยจนประจำเดือนขาดแน่ใจว่ากำลังตั้งท้องหมาดๆชัวร์ๆแล้ว จึงไปเชิญอี้ยิ้งมามอมเหล้าแล้วให้เตี้ยกีรำถวาย สาวเตี้ยกียามถวายสุราก็เป็นที่ต้องตาเจ้าชายนัก ตามสำนวนแปลของวิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์ ว่า...
"..มวยผมเบาม้วน ยวนเรไรขจี
คิ้วโค้งบางกวาดคีรีวสันต์
ริมปากแต้มแดงดอกเชอรี่หนึ่ง
ฟันขาวเรียงสองดุจหยกใส
หัวเราะน้อยนิดเปิดรอยยิ้มบาง.."
รินเหล้าเสร็จสรรพเธอก็แผ่ขยายแขนเสื้ออยู่บนผืนพรม ร่ายรำบทรำใหญ่รำเล็ก ถึงตอนนี้เจ้าชายอี้ยิ้งก็ถึงกับพร่ำพรรณนาออกมาเป็นโฉลกว่า
"..ร่างดุจมังกรเที่ยวท่อง
แขนเสื้อประดุจสายรุ้งบริสุทธิ์
พริ้ววนดุจขนนกต้องลม
เบาบางปานจะปนกับละอองหมอกละเอียด.."
“ข้ามีเจตนาดีเชิญเมียหลวงออกต้อนรับ ให้เมียน้อยรำถวายท่านเพื่อแสดงความเคารพนับถือ พระองค์กลับทรงแย่งความรักจากข้า เป็นมิตรภาพแบบใดกัน”
เจ้าชายตกใจพร่ำขอโทษว่าตนเองเมามายไร้สติไป แต่ลื่อปุ๊กอุ้ยก็ออกฟอร์มไปอย่างนั้นแหละ ในที่สุดก็ตามโผ อีหนูเตี้ยกีได้ไปเป็นเมียของอี้ยิ้ง อาศัยทองคำแท่งของลื่อปุ๊กอุ้ยกรุยทาง อี้ยิ้งก็ได้กลับไปอยู่แคว้นฉินและได้เป็นอ๋องแห่งแคว้นฉินในที่สุด แต่เรื่องยังเพิ่งเริ่มต้นนะครับ อย่าลืมว่าสิ่งที่พ่อค้าหัวแหลมลื่อปุ๊กอุ้ยลงทุนไว้นั้นไม่ใช่ทองคำ แต่คือดีเอ็นเอ.ของเขาที่อยู่ในมดลูกของนางระบำเตี้ยกี ซึ่งต่อมาคลอดออกมาเป็นเด็กชาย ต่อมาด้วยการชิงไหวชิงพริบกันแบบจักรๆวงศ์ๆจีนๆ เตี้ยกีก็ได้เป็นมเหสี เด็กชายลูกของเตี้ยกีคนนั้นต่อมาก็คือ “จิ๋นซีฮ่องเต้” ผู้เกรียงไกรในประวัติศาสตร์จีนนั่นเอง ไม่ต้องสงสัยว่าตอนที่จิ๋นซีฮ่องเต้ยังเด็ก เตี้ยกีผู้เป็นแม่ซึ่งว่าราชการหลังม่าน กับลื่อปุ๊กอุ้ยผู้เป็นพ่อตัวจริงซึ่งทำหน้าที่เป็นอำมาตย์ใหญ่ จะถอนทุนการค้ากันมันส์ระเบิดเถิดเทิงแค่ไหนอย่างไรบ้าง คงพอนึกภาพออกนะ
เอ๊ะ..วันนี้หมอสันต์เลอะเทอะหรือเปล่านี่ ไม่ตอบคำถามเขาแล้วยังพล่ามไร้สาระอีก ไปดีกว่า
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์