บาป เป็นแค่คอนเซ็พท์ คอนเซ็พท์แปลว่าสิ่งที่เราสมมุติขึ้น

รวงผึ้ง (หรือผึ้งรวง ชักไม่แน่ใจ?)


สวัสดีค่ะอ.สันต์
    หนูปลูกผักทานเอง แบบออร์แกนิค ปัญหามีอยู่ว่าตัวเองทานมังฯ นั่งสมาธิด้วย จิตใจเริ่มอ่อนโยน และมีความตั้งใจในการไม่ฆ่าสัตว์ แม้แต่แมลงตัวเล็กๆ ทีนี้เจ้าหอยทากก็เริงร่ามากัดกินพืชผักอย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่ก็ใช้วิธีจับไปปล่อย ก็เหนื่อยพอดู เลยลองอีกวิธีโดยปลูกผักไว้ที่หนี่งดักไว้ให้พวกเขากินโดยเฉพาะ เพราะเรามีเมล็ดผักเยอะ ไม่ไล่จับแล้ว ปีนี้เลยไม่ค่อยมีปัญหากับหอยทาก คราวนี้มีเจ้าตัวด้วงมันฝรั่งที่บินมาจากไหนไม่ทราบมาถล่มรุมกัดกินใบมันฝรั่งจนโกรํน ก็จับไปปล่อยบ้าง ปล่อยให้มันกัดกินบ้าง เพราะอย่างน้อยยังพอมีหัวมันใต้ดินที่ยังมีอยู่ แม้จะได้ผลผลิตไม่เต็มที่นัก พอหมดจากแปลงมันฝรั่ง มันลามมาที่แปลงมะเขือยาว มะเขือเปราะ ครั้นจะจับไปปล่อย เดี๋ยวมันก็ไปทำลายแปลงผักคนอื่นหรือบินกลับมาได้อีก เลยเล่นบทโหดจับใส่ขวดปิดฝา ตากแดด ตายแหงแก๋ ซึ่งก็ได้ผลดี ลดประชากรได้เกลี้ยงเลยค่ะ

    ปัญหามีอยู่ว่า หนูตั้งใจจะไม่ทำบาป พอทำแบบนี้แล้วก็ไม่สบายใจ มีความขัดแย้งอยู่ในใจ เพราะถ้านับแล้วก็หลายศพอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้านั้น ไม่ได้คิดอะไร ทานเนื้อสัตว์ก็ไม่ได้มีความสงสาร แต่พอมาทานมังฯ และนั่งสมาธิ เริ่มเกิดความเมตตา  แต่นิสัยเก่าก็ผุดขึ้นมาตอนโดนแมลงมารบกวนนี่แหละ หนูเองไม่ได้สรรหาวิธีอื่นในการไล่แมลงที่มีตามยูทูป ดูมันยุ่งยากและไม่จบไม่สิ้น อาจารย์คิดว่าการทำลายแมลงศัตรูพืชให้ตายเป็นการขาดความเมตตาไหมคะ เคยมีครูสมาธิท่านหนึ่งเล่าว่า ท่านแปลกใจเหมือนกันที่เวลาปลูกผัก แปลงของท่านจะไม่ค่อยมีแมลงมารบกวน ในขณะที่ของเพื่อนบ้านโดนตามๆกัน คงเป็นเพราะเธอมีจิตใจดี มีเมตตาธรรม แต่ลึกๆหนูคิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงหรือ หนูเองไม่ได้เคร่งในศาสนาที่นับถือ ชอบมาทางด้านปรัชญาและจิตวิญญาณที่ไม่อิงศาสนาใดๆ ชอบการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม แต่ก็ขี้สงสัยว่าทำไมพระสงฆ์ บาทหลวง หรือผู้นำทางด้านจิตวิญญาณที่เก่งๆบางท่านหรือหลายท่านที่ปล่อยตัวในด้านสุขภาพ หลักๆคือ อ้วน ไม่นับรวมโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พอมาติดตามอ.หมอ รู้สึกชื่นชมมากค่ะ เพราะเป็น healer ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณจริงๆ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้ดูด้วย ขอบคุณอ.หมอที่แบ่งปันความรู้เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนมนุษย์นะคะ ต่อไปก็จะฝึกวางความคิดแล้วค่ะ 

ขอบคุณค่ะ
.....................................................

ตอบครับ

    1. "บาป" เป็นแค่คอนเซ็พท์ คอนเซ็พท์แปลว่าความคิดสมมุติสร้างสิ่งต่างๆขึ้นในใจ บาป บุญ คุณ โทษ ชั่ว ดี ถี่ ห่าง ทั้งหมดนี้เป็นคอนเซ็พท์ที่เราอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้ แต่ขึ้นชื่อว่าคอนเซ็พท์มันก็คือความคิด หากหลงเข้าไปติดในนั้นไม่ว่าจะติดเชิง "อยากได้" หรือ "อยากหนี" นั่นก็คือการแกว่งออกไปจากการอยู่นิ่งๆตรงกลางซึ่งจะทำให้เกิดทุกข์ได้ทั้งนั้น

    2. ความรู้สึกผิดว่าได้ทำบาป เป็นบาปที่แรงกว่าการทำบาปเองเสียอีก เพราะความรู้สึกผิดเป็นคอนเซ็พท์ที่ถูกอีโก้ชงขึ้นมาในใจซ้ำซากไม่รู้จักเลิก ต่างจากการกระทำเมื่อทำจบแล้วก็แล้ว ความรู้สึกผิดนี้เชื่อมโยงหรือถูกชงมาจากตัวตนในส่วนที่เรายึดติดหรือภาคภูมิว่าเป็น "หลักธรรมประจำใจ" ของเรา พอทำผิดไปจากหลักธรรมประจำใจ ตัวตนก็จะชงความรู้สึกผิดขึ้นมาเพื่อปกป้องหรือล้างบาปไม่ให้ตัวตนนี้ชำรุดเสียหาย พูดแบบบ้านๆก็คือเรื่องที่แล้วไปแล้วก็ยังไม่แล้ว ต้องคอยล้างกันอยู่นั่นแหละ ล้างมากไปหน่อยก็ทำให้เป็นบ้าได้นะ เขาเรียกว่า "คนบ้าดี" ซึ่งก็เป็นความบ้าขนานแท้แบบหนึ่ง จะต่างจาก "คนบ้าชั่ว" อยู่หน่อยหนึ่งก็ตรงที่คนบ้าดีอาการหนักกว่า รักษายากกว่า ส่วนจำนวนนั้น หากลองนับดูเฉพาะที่เมืองไทยนี้ ผมว่าคนบ้าทั้งสองแบบมีมากพอๆกัน จึงยังไม่มีฝ่ายใหนชนะเด็ดขาดอยู่นี่ไง
 
    3. ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของคนเรานี้ก็คือเราใช้ภาษาหรือนิรุกติศาสตร์ในการวินิจฉัยตัดสินอะไรตะพึด ขณะที่หมาแมวมันไม่มีนิรุกติศาสตร์ มันวินิจฉัยปัญหาในชีวิตด้วยสัญชาติญาณ (instinct) และความรู้สึกชอบไม่ชอบ (feeling) แม้ว่าบางครั้งมันก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะเห็นโต้งๆว่าหลายอย่างมันแก้ปัญหาได้ไม่ดีเท่าคน แต่ในภาพรวมเท่าที่ผมสังเกตหมาแมวมา ทั้งที่เพื่อนเขาเลี้ยง และทั้งที่จรจัดผ่านมาทางบ้านผม พวกมันมีความทุกข์น้อยกว่าคนแฮะ ยกเว้นหมาที่ใกล้ชิดกับคนมากเกินไปที่มันอาจจะถูกล่อให้ใช้สัญชาติญาณบางด้านซ้ำซากจนดูราวกับว่ามันเรียนรู้ไปจากคน เช่น รู้จักเปรียบเทียบและขี้อิจฉาเหมือนคน เห็นแก่กินเหมือนคน และอ้วนเหมือนคน เป็นต้น 

    อย่าลืมว่าคำสอนในศาสนาพุทธ ตรรกะหรือนิรุกติศาสตร์มีไว้เพื่อนำทางให้เราพ้นทุกข์ผ่านการรู้จักคิดด้วยขั้นตอนเหตุผลอย่างแยบยล ไม่ใช่เพื่อพาเราไปติดกับดักความคิดของเราเอง  เช่นตรรกะที่ว่าเราไม่ควรเบียดเบียนชีวิตอื่นมันใช้การได้ระดับที่ไม่ทำให้ทั้งเราและทั้งชีวิตอื่นข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างต่างก็เดือดร้อนโดยใช่เหตุ ยกตัวอย่างเราคงไม่ไปไล่บี้กิ้งกือเล่นเพื่อความสนุก แต่ถ้าเราเป็นฝีติดเชื้อลุกลามแล้วไม่ยอมกินยาฆ่าเชื้อเพราะมันจะเป็นการเบียดเบียนเชื้อแบคทีเรีย เราก็จะต้องตายแหง๋แก๋ด้วยความเถรตรงในตรรกะของเรา ตรงไหนควรยึดตรรกะใดแค่ไหน เป็นดุลพินิจในการใช้ตรรกะของแต่ละคน ผมไม่สามารถคิดแทนคุณได้

    4. ประเด็นความรู้สึกผิดเป็นประเด็นของ "ความคิด" ที่กลัวอนาคตซึ่งไร้สาระและไม่ได้มีอยู่จริง นี่เป็นประเด็นการไม่รู้วิธีวางความคิด สำคัญนะ ให้คุณแยกให้ออกว่าเป็นคนละประเด็นกับการไม่รู้วิธีใช้ตรรกะ แล้วถ้าจะให้ใส่น้ำหนัก การไม่รู้วิธีหรือไม่สามารถวางความคิด เป็นบาปที่หนักหนาสาหัสกว่าการมีตรรกะเสื่อม

    คุณพูดเองนะว่าต่อไปจะเริ่มฝึกวางความคิดแล้ว แหม ช่างเป็นความคิดที่ประเสริฐเสียจริง จงรีบลงมือทำเถิด ให้วัดความสำเร็จด้วยตัวชี้วัดง่ายๆแค่สองตัว คือ (1) ความคิดน้อยลง (2) ความเบิกบานมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นจากนี้ไปถ้าความรู้สึกผิดเรื่องวิธีกำจัดศัตรพืชในหัวลดน้อยลง และชีวิตเบิกบานมากขึ้น นั่นแสดงว่าคุณมาถูกทางแล้ว

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์  

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เจ็ดใครหนอ

ทะเลาะกันเรื่องฝุ่น PM 2.5 บ้าจี้ เพ้อเจ้อ หรือว่าไม่รับผิดชอบ

สอนวิธีแปลผลเคมีของเลือด

ชีวิตเมื่อตายไปแล้ว

แจ้งข่าวด่วน หมอสันต์ตัวปลอมกำลังระบาดหนัก

อายุ 70 ปีถูกคนในบ้านไล่ให้ไปฉีดวัคซีนไข้เลือดออก

เสพย์ติดหนังโป๊และการช่วยตัวเอง (masturbation)

หมอสันต์สวัสดีปีใหม่ 2568 / 2025

เลิกเสียทีได้ไหม ชีวิตที่ต้องมีอะไรมาจ่อคิวต่อรอให้ทำอยู่ตลอดเวลา

ไปเที่ยวเมืองจีนขึ้นที่สูงแล้วกลับมาป่วยยาว (โรค HAPE)