 |
สาวสันทราย |
เรียนคุณหมอสันต์ที่นับถือ
ผมเป็นคนไทยเชื้อสายอินเดีย อายุ 40 ปี ปัญหาคือผมมีไตรกลีเซอไรด์สูงทั้งๆที่ผมก็กินอาหารสุขภาพแบบมังสวิรัติ ครอบครัวของผมทั้งข้างคุณพ่อคุณแม่ล้วนป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานและหัวใจกันหมด ขอคำแนะนำที่เป็นพิเศษสำหรับผมหน่อยครับ ผมส่งผลเลือดโดยละเอียดมาพร้อมนี้ โดยสรุปคือ
Cholesterol Total 245 (CHO-POD) mg/dL <200
Triglycerides 184 (GPO-POD) mg/dL <150
HDL Cholesterol 55 (Enz Immunoinhibition) mg/dL >40
LDL Cholesterol,Direct 161 (Enz Selective protection) mg/dL <100
VLDL Cholesterol 37 (Calculated) mg/dL <30
Non-HDL Cholesterol 190 (Calculated) mg/dL <130
HbA1c (GLYCOSYLATED HEMOGLOBIN), BLOOD HbA1c 5.7 % 4.00 - 5.60
Estimated average glucose (eAG) 117 mg/dL
GLUCOSE, FASTING (F), PLASMA (Hexokinase) 97.00 mg/dL 70 - 100
CARDIO C-REACTIVE PROTEIN (hsCRP), SERUM 0.63 mg/L <1.00
Apolipoprotein (Apo A1) 126 mg/dL 79 - 169
Apolipoprotein (Apo B) 106 mg/dL 46 - 174
Apo B / Apo A1 Ratio 0.84 0.35 - 0.98
Homocysteine 11.55 μmol/L 3.70 - 13.90
ขอบพระคุณครับ
.......................................................
ตอบครับ
โห ผมเดาว่าคงไปตรวจเลือดที่อินเดียมาใช่ไหมละ เพราะตรวจแบบ "ยิบ" เลย แหมไม่ต้องตรวจมากขนาดนี้ก็ได้ แค่ LDL ตัวเดียวก็รู้แล้วว่าตอนนี้เรามีปัญหาอยู่สองปัญหาคือ
- พันธุกรรมที่เป็นโรคเรื้อรังง่าย (Genetic predisposition)
- ไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
1. เรามาเริ่มที่ความเสี่ยงทางพันธุกรรมก่อนนะ เป็นที่รู้กันมานานแล้วจากข้อมูลเชิงระบาดวิทยาว่าคนกลุ่มที่ผมขอเรียกรวมๆว่า South Asians ซึ่งรวมทั้งคนอินเดียด้วย มีแนวโน้มจะเกิดภาวะดื้อต่ออินสุลินมากกว่ากลุ่มคนชาติพันธุ์อื่น กลไกการเกิดการดื้อต่ออินสุลินเริ่มจากกลไกที่เรียกว่า De Novo Lipogenesis คือกลไกที่ร่างกายสร้างไขมันขึ้นมาจากน้ำตาล เมื่อบวกกับไขมันที่กินเข้าไปมากๆอยู่แล้วก็จะกลายเป็นมีไขมันมากๆๆๆ แล้วก็เก็บไขมันเหล่านั้นแทรกไว้ในเซลล์ เช่นเซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนื้อ ซึ่งหากแทรกไว้มากๆก็กลายเป็นตัวทำให้เซลล์ดื้อต่ออินสุลิน แล้วตามมาด้วยโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังอื่นๆ
ผลวิจัยเปรียบเทียบกลุ่มคน South Asians กับกลุ่มคนฝรั่งที่เรียกรวมๆว่า Caucasians [1] ว่าเมื่อให้กินน้ำตาลแล้วผลเลือดของแต่ละกลุ่มจะเปลี่ยนไปแนวไหน ก็พบว่าคนกลุ่ม South Asians ผลเลือดจะเปลี่ยนไปทางเกิดการดื้อต่ออินสุลินและมีไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นมากกว่าคนกลุ่มฝรั่ง
นอกจากนั้นงานวิจัยเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรม (ยีน) ยังสามารถแยกเอายีนก่อโรคบางตัวที่คนกลุ่ม South Asians มีมากกว่าคนกลุ่มฝรั่ง เช่นยีน GRB14 ซึ่งไประงับการทำงานของเบต้าเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ผลิตอินสุลินในตับอ่อน [2] เป็นต้น
แม้ข้อมูลทั้งหมดที่ผมว่ามานี้จะยังไม่นำไปสู่การรักษาแทรกแซงทางด้านยีนอย่างเป็นรูปธรรม แต่มันก็มากพอที่จะช่วยให้เราใช้กระตุ้นตัวเองให้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราให้มันจริงจังสุดๆได้
ในเรื่องพันธุกรรมนี้ ผมขอพูดเลยไปถึงคอนเซ็พท์ "Thrifty genes"[3] หรือยีนมัธยัสถ์ ซึ่งเป็นคอนเซ็พท์ที่เดาเอาว่าในกลุ่มคนหรือชาติพันธ์ที่มีอดีตต้องผ่านช่วงเวลาขาดแคลนอาหารเป็นช่วงยาวนานในหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมา จะเกิดกลไกการปรับตัวของยีน (epigenetic adaptation) ไปในทางที่คนรุ่นหลังพอได้มาอยู่ในช่วงมีอาหารการกินเหลือเฟือบวกกับการที่ไม่ได้เคลื่อนไหวออกกำลังกายมากๆอย่างแต่ก่อนแล้ว ยีนที่เปลี่ยนไปแล้วนั้นจะเป็นตัวทำให้คนรุ่นหลังมีภาวะดื้อต่ออินสุลินง่ายขึ้น ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น อ้วนกลางตัวมากขึ้น และเป็นโรคเรื้อรังตามมามากขึ้น แม้นี่จะเป็นเพียงสมมุติฐานจะเท็จจริงประการใดยังไม่ทราบ แต่มันให้ไอเดียเรานะว่าถ้าเราทำการทดลองส่วนตัว ทำให้ตัวเองเข้าสู่ภาวะอดอยากขาดแคลนอาหาร (ทั้งในรูปแบบของการกินแคลอรีต่ำควบกับการอดอาหาร) เป็นเวลายาวนาน และเพิ่มการเคลื่อนไหวออกกำลังกายให้มากขึ้นด้วย มันน่าสนใจนะว่าผลเลือดที่ไขมันสูงๆอยู่ตอนนี้ มันจะเปลี่ยนไปอย่างไร ฟังดูอาจเป็นแนวคิดสุดโต่ง แต่ผมว่ามันน่าลองนะ
2. ถามว่าวิธีลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดทำอย่างไร ตอบจากวิทยาศาสตร์ที่มีความชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่ช่วยได้และควรทำ คือ
2.1 ลดน้ำตาลและแป้งขัดสีลง เช่น ดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มรสหวานหรือน้ำผลไม้ กินธัญพืชไม่ขัดสี 100% แทนธัญพืชขัดสี เป็นต้น งานวิจัยในภาพรวมพบว่าอาหารแบบกินคาร์โบไฮเดรตต่ำ (low carb) ลดไตรกลีเซอไรด์ได้ดีกว่าอาหารแบบกินไขมันต่ำ (low fat)
[4].
2.2 ลดไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์(ซึ่งยังใช้ทำเนยใสหรือ ghee ในบางประเทศอยู่) หรืออย่างน้อยก็ทดแทนด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เช่นน้ำมันมะกอก อะโวกาโด ถั่ว นัท โดยทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ในกรอบว่าอาหารในภาพรวมต้องเป็นอาหารแคลอรีต่ำ (low calorie diet)
2.3 เพิ่มการกินอาหารกากหรือเส้นใยให้มากขึ้น ซึ่งก็คือพืชทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถั่วต่างๆและธัญพืชไม่ขัดสี
2.4 ออกกำลังกายให้มากขึ้น
2.5 เลิกบุหรี่
2.6 เลิกแอลกอฮอล์
2.7 ดูแลน้ำหนักและเส้นรอบพุงให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2.8 จัดการความเครียด
2.9 ถ้าชอบก็อาจกินอาหารเสริม เช่นน้ำมันปลา (อันนี้แล้วแต่ชอบนะ เพราะหลักฐานยังโต้แย้งกันอยู่)
ในภาพใหญ่กฺ็คือวิทยาศาสตร์เรารู้แล้วเกือบหมดว่าทำอย่างไรจะให้ไตรกลีเซอไรด์ต่ำ จึงเหลือแต่การค้นหาความบันดาลใจที่ข้างในที่จะเอามาขับดันการเปลี่ยนนิสัยหรือพฤติกรรมการกินการใช้ชีวิตของตัวเองแบบรุนแรงถึงพริกถึงขิงให้ได้เท่านั้น
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
บรรณานุกรม
1. Sleddering MA, Bakker LE, Janssen LG, Meinders AE, Jazet IM. Higher insulin and glucagon-like peptide-1 (GLP-1) levels in healthy, young South Asians as compared to Caucasians during an oral glucose tolerance test. Metabolism. 2014 Feb;63(2):226-32. doi: 10.1016/j.metabol.2013.10.008. Epub 2013 Oct 24. PMID: 24290838.
2. Loh, M., Zhang, W., Ng, H.K. et al. Identification of genetic effects underlying type 2 diabetes in South Asian and European populations. Commun Biol 5, 329 (2022). https://doi.org/10.1038/s42003-022-03248-5
3. Southam L, Soranzo N, Montgomery SB, Frayling TM, McCarthy MI, Barroso I, Zeggini E. Is the thrifty genotype hypothesis supported by evidence based on confirmed type 2 diabetes- and obesity-susceptibility variants? Diabetologia. 2009 Sep;52(9):1846-51. doi: 10.1007/s00125-009-1419-3. Epub 2009 Jun 13. PMID: 19526209; PMCID: PMC2723682.
4. Chawla S, Tessarolo Silva F, Amaral Medeiros S, Mekary RA, Radenkovic D. The Effect of Low-Fat and Low-Carbohydrate Diets on Weight Loss and Lipid Levels: A Systematic Review and Meta-Analysis. Nutrients. 2020 Dec 9;12(12):3774. doi: 10.3390/nu12123774. PMID: 33317019; PMCID: PMC7763365.