หมอสันต์ไม่รู้วิธีเชื่อมต่อกับผีสางเทวดาเลยครับ

ชั้นเรียน Cooking Class ที่ WWC

สวัสดีค่ะอ.หมอสันต์

    ชอบอ่านที่อ.หมอตอบคำถามทางด้านจิตวิญญาณมากค่ะ มีท่านนึงที่นั่งสมาธิ จนวางความคิดได้แล้ว อ.หมอแนะนำให้ลองการเชื่อมต่อ( connecting ) ทราบว่าต้องอาศัย visualisation หรือ imagination ก็แล้วแต่ ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในต่างประเทศ จริงๆเขามีมานานแล้ว และมีวิทยาลัยที่เปิดสอนทางด้านจิตวิญญาณด้วย ดังจะเห็นมีคลิปต่างๆที่อ้างถึงได้ message จาก being หรือ ascended master แม้กระทั่งวิญญาณได้ หรือเป็นการพัฒนาการเป็น mediumship ที่สามารถติดต่อ spiritual world ได้ อันนี้ได้เคยไปเข้าร่วมการสังเกตการณ์ พบว่าทำได้จริงและมีการเรียนการสอนในต่างประเทศด้วย เคยดูคลิปหนึ่งที่อาจารย์ด้านจิตวิญญาณชาวอังกฤษได้เล่าว่า ท่านเคยได้รับเชิญไปให้ช่วย ติดต่อหรือสึบค้นที่สโมสรว่ายน้ำแห่งหนี่ง คร่าวๆคือว่า มีเหตุการณ์หลอนๆในห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เช่นไฟดับๆติดๆ ไม้กวาด รองเท้า ลอยได้ฯลฯ จนลูกค้าหวาดกลัวกัน อาจารย์ท่านนั้นก็ใช้การเป็น mediumship ค้นพบว่า มีวิญญาณชายคนหนึ่ง  ประท้วงการบริหารจัดการของเจ้าของสโมสรว่ายน้ำแห่งนั้น เนื่องจาก เขาให้ guard หนุ่มคอยเฝ้าสระเด็กๆ ส่วนสระที่มีสาวๆ ใส่บิกินีกลับให้ guard แก่ๆเฝ้า เขาบอกว่าคุณคิดดูสิ จะมีเด็กจมน้ำตายอีกกี่คน จากการที่ guard หนุ่มคอยแต่จ้องไปทางสระสาวๆ แทนที่จะดูแลเด็กๆที่ว่ายน้ำ  อาจารย์ท่านนั้นจึงนำความไปบอกผู้บริหารสโมสร จนมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และท่านก็สรุปว่า คนทาง spiritual world นั้นคอยช่วยเหลือ ดูแลพวกเราอยู่ โดยเฉพาะญาติๆ หรือผู้ที่เรารักที่เสียชีวิต ท่านก็ยังวนเวียน คอยดูเราอยู่ เพียงแต่เราจะ connect กับพวกเขาเหล่านั้นได้หรือเปล่าเท่านั้น 

    หนูเองยังฝึกวางความคิดไม่ได้ถีงขั้น เบิกบาน หรือ joyful แต่ก็อยากกระโดดข้ามขั้นไปถึง connecting เลย อาจารย์พอจะมีวิธีที่จะเข้าถึงการเชื่อมต่อได้ง่ายไหมคะ เท่าที่ศึกษาดู เขาจะให้นั่งสมาธิแล้ว visualize ให้มีแสงเริ่มจากส่วนกลางลำตัวแล้วขยายไปจนทั่วลำตัว แล้วออกไปหลอมรวมกับธรรมชาติข้างนอก ในลักษณะเข้า trance และเชื่อมต่อกับ divine หรือ spiritual world แล้วแต่จะ set intention โดยหลอมรวมให้เป็น oneness แล้วเราก็จะได้ message หรือ healing ตามแต่ที่เราตั้งใจไว้ แต่ไม่ใช่เราจะกำหนดได้ว่าคนทางโลกโน้นจะมาติดต่อตามที่เราร้องขอเสมอไป ขึ้นอยู่กับเขาและตัว mediumship เองที่จะสามารถทำงานด้วยกันได้ไหม ฟังดูออกในแนวไสยศาสตร์ เหนือธรรมชาติ  แต่ถ้าเปิดใจและทำได้จริงก็สามารถช่วยทั้งคนบนโลกนี้ และปลดล๊อคคนที่จากไปแล้วได้ด้วย 

ขอบคุณค่ะ

...............................................

ตอบครับ

    1. สิ่งที่ประกอบเป็นชีวิตของเรานี้แบ่งหยาบก็ได้สามชั้นจากหยาบไปละเอียด คือ 

    ร่างกาย (body) 

    ความคิด (mind)  

    ความรู้ตัว (spirit) 

    แต่ละส่วนก็มีขอบเขตเหลื่อมๆกันอยู่ไม่สามารถแยกชั้นได้เด็ดขาด การเปลี่ยนแปลงในชั้นหนึ่งก็มีผลต่ออีกชั้นหนึ่งได้ เช่น เมื่อวางความคิดกังวลได้ ร่างกายก็เปลี่ยนไปทางผ่อนคลาย เป็นต้น ดังนั้นการเชื่อมต่อ (connecting) ที่ว่า มันก็เกิดขึ้นได้ในทั้งสามระดับแบบเหลื่อมๆกันได้เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นการมีเซ็กซ์เป็นการเชื่อมต่อระดับร่างกายเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่การแต่งงานเป็นการเชื่อมต่อทั้งระดับร่างกายและระดับความคิด เป็นต้น 

    2. คนเราเกิดมาแสวงหาความสุข ซึ่งความสุขก็มีสองชั้น คือชั้น ความเพลิดเพลิน (Pleasure) ที่เราหาได้ในชั้นของความคิด รวมทั้งการซื้อหาประสบการณ์ต่างๆเช่นท่องเที่ยว ช็อปปิ้ง ปาร์ตี้ กับความสุขในชั้นของความรู้ตัวที่เรียกว่า ความเบิกบาน (Joy) ซึ่งจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อวางความคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดลบไปได้สนิท เหลือแต่ความตื่นในความรู้ตัวซึ่ง ณ ที่นั้นมันมีธรรมชาติเป็นความเบิกบานของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปหาที่อื่น 

    ความสุขในชั้นของความคิดมันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งซึ่งตัวความสุขเองไม่ได้มีอะไรไม่ดีก็จริง แต่ว่าการโลดแล่นอยู่ในโลกของความคิดมักมีผลแทรกซ้อนจากการที่ความคิดยึดถือเกี่ยวพันที่เราสมมุติขึ้นนั้นมันไม่สอดคล้องกับชีวิตจริงที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาด้วยสาเหตุร่วมสาระพัดเยอะแยะมากมากมายจนไม่มีใครควบคุมอะไรได้ การยึดมั่นในคอนเซ็พท์หรือความคิดใดๆจึงมีแต่จะจบลงด้วยความทุกข์จากการไม่ได้อย่างใจ ดังนั้น การเสาะหาความสุขระดับความเพลิดเพลินและต่อยอดความคิด จึงไม่ดีเท่าการทิ้งความคิดแล้วถอยลึกลงไปเป็นผู้สังเกตอยู่ในชั้นของความรู้ตัวซึ่งตรงนั้นเป็นการเข้าถึงความสงบเย็นเบิกบานโดยธรรมชาติที่ดีกว่า

  

    3. การเชื่อมต่อหรือ connecting ที่ผมพูดถึงนั้น ผมหมายถึงเมื่อเราประสบความสำเร็จในการวางความคิดไปได้ชั่วครู่ชั่วคราวในรูปของสมาธิแล้ว แม้มันเป็นผลที่ไม่ถาวรอะไร แต่ขณะนั้นความคิดซึ่งเป็นตัวขัดขวางปกป้องตัวตนจะหายหน้าไปชั่วคราว มันเป็นโอกาสที่เราจะทลายกรงหรือกำแพงของคอนเซ็พท์ต่างๆที่ตัวตนก่อไว้ ด้วยการเปิดความรู้ตัวออกไปเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นหรือชีวิตอื่นรอบตัวแบบยอมรับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด ไม่ใช่ตัวตนที่แยกออกมาเป็นเอกเทศแต่อย่างใด เมื่อกำแพงกั้นตัวตนนี้ทลายไป ความรู้สึกว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตอื่นหรือเมตตาธรรมก็จะเด่นขึ้นๆแบบอัตโนมัติ เมตตาธรรมนี้มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับตัวตน ยิ่งขยันเชื่อมต่อขยันทำลายกำแพงกั้นก็ยิ่งทอนอำนาจของตัวตนลงไปได้มากขึ้น ชีวิตของเราก็ยิ่งจะสงบเย็นเบิกบานมากขึ้นๆ

    4. การเชื่อมต่อหรือ connecting แบบคนทรงที่พาเข้าถึงผีสางนางไม้เทวดาหรือนั่งทางในระลึกชาติ มันก็เป็นการเชื่อมต่อแบบหนึ่งเหมือนกัน ทว่ามันเป็นการเชื่อมต่อด้วยเจตนาที่จะสนองความต้องการของคอนเซ็พท์หรือความคิดเดิมๆให้ถูกต่อยอดเวิ่นเว้อมากมายยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับทิศทางเชื่อมต่อแบบเปิดตนเองเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ (mother nature) เพื่อปล่อยวางความคิดยึดถือในตัวตนที่ผมสนับสนุนอยู่ 

    ดังนั้นที่คุณถามว่าตัวคุณเองยังวางความคิดเข้าถึงความรู้ตัวไม่สำเร็จ แต่จะขอไปทางลัดแบบเชื่อมต่อแนวทรงเจ้าเข้าผีจะดีไหม  ตอบว่าไม่น่าจะดีนะครับ  มันเป็นการแวะออกข้างทางที่จะพาให้เพลิดเพลินก็จริงแต่อย่างเบาๆมันจะทำให้คุณเสียเวลาในชีวิตไป อย่างหนักๆมันจะเพิ่มความคิดยึดมั่นถือมั่นในคอนเซ็พท์ใหม่ๆที่คุณเผลอ "อิน" กับมันยิ่งขึ้น แล้วเมื่อไหร่คุณจะเป็นอิสระจากความคิดของคุณเสียทีละครับ 

    และคุณถามว่าหมอสันต์มีวิธีไหม ตอบว่าไม่มีครับ ไม่ใช่ว่าผมกั๊กความรู้นะ ผมไม่รู้จริงๆ 

    ผมเองเคยมีประสบการณ์พบเห็นได้ยินอะไรแปลกขณะฝึกสมาธิอยู่บ้างเหมือนกันแบบที่เขาเรียกกันว่า "นิมิต" แต่ก็ไม่เคยเอาความคิดไปต่อยอดตรงนั้นหรือทดลองทำอะไรให้มันเป็นตุเป็นตะขึ้นมา เคยเข้าถึงภาวะปลอดความคิดมีความเบิกบานและรับรู้และยอมรับอะไรรวมทั้งสิ่งแปลกๆเรื่องแปลกๆโผล่มาให้รับรู้ได้ง่ายๆ แต่ก็แค่รับรู้แล้วยอมรับแบบผู้สังเกต ไม่เคยทดลองอะไรไปมากกว่านั้น แม้หมอสันต์มีหน้าที่ต้องรักษาคนเจ็บไข้คือเป็น healer อยู่แล้วโดยอาชีพ แต่ก็ไม่เคยรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีพิศดารใดๆที่นอกเหนือไปจากวิชาแพทย์แผนปัจจุบันเลย 

    กล่าวโดยสรุปก็คือหมอสันต์ไม่รู้วิธีเชื่อมต่อกับผีสางเทวดาเลยครับ   

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์