72 ปี ตีบสามเส้น วิ่งการกุศล 5 กม. เดินป่าครั้งละ 5-6 ชม. ฝึก resistance วันเว้นวัน

กราบเรียนคุณหมอสันต์ที่เคารพและนับถือยิ่ง

    ผมอายุขณะนี้ 72 ปี เมื่อ 3 ปีที่แล้วตรวจ (ฉีดสี) พบเส้นเลือดหัวใจตีบจนเกือบตัน 90_80_70% LM ปรกติครับ ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจแนะนำการทำบายพาสทั้งสามเส้น“วิธีเดียวเท่านั้น” (second opinion ก็แนะนำบายพาสเช่นกัน) แต่มาเข้าอบรม RDBY 2565 กลับไปจึงใช้ความรู้ที่อบรมตัดสินใจไม่ทำ 

    นี่เกือบสามปีแล้วครับ สภาวะทั้งร่างกายและจิตใจดีมาก โดยเฉพาะร่างกาย สามารถวิ่งการกุศล 5 กิโลเข้าเส้นชัยอยู่ในอันดับต้นๆ และเดินป่า / เขา (ตอนนี้ย้ายมาอยู่เมืองเชียงใหม่)  5_6 ชั่วโมงติดต่อกันโดยมิเหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด อีกทั้งหัวใจยังเต้นช้ากว่าสมาชิกที่เดินด้วยกัน 15_20 bpm ด้วย

    อาหารก็ยังทานสองมื้อเป็น plant based ออกกำลังการด้วยการเดิน_วิ่งเกือบทุกวัน และแบบ resistance วันเว้นวัน

    ผมเคยเขียนจดหมายมาหาคุณหมอและบ่นกับคุณหมอเรื่องเจ้าของใข้ผมใม่ให้คุณค่ากับการรักษาแบบประคับประคอง ผมเลยเปลี่ยนโรงพยาบาลมาเป็น Geriatric Medical Center ( คณะเเพทย์ มช) ซึ่งคุณหมอรับฟังความต้องการของผมอย่างดี ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการหยุดยาความดันครับ

    จดหมายฉบับนี้ใม่ใด้ถามอะไรครับ แค่อยากเรียนคุณหมอว่าขอบพระคุณอย่างสูงที่ใด้ความรู้จากคุณหมอมาเพื่อตัวเองและแบ่งปันกับคนอื่นไปหลายคนแล้ว 

.................................
Sent from my iPad

...................................................

ตอบครับ

    1. การเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 3 เส้นโดยที่เส้น left main ปกติ เป็นกรณีที่ตามหลักฐานจากงานวิจัยชั้นดีชื่อ COURAGE trial บ่งชี้ว่ามันมีทางเลือกในการรักษาได้สองทาง คือได้ทั้งแบบรุกล้ำและแบบไม่รุกล้ำ โดยที่ให้ผลดีเท่ากัน กรณีของคุณนี้เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นตัวอย่างตัวเป็นๆของผู้เลือกเส้นทางการรักษาแบบไม่รุกล้ำ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่เลือกได้ในชีวิตจริง 

    2. คุณอายุ 72 ปีแล้ว แต่ยังเข้าร่วมวิ่งการกุศล ยังออกกำลังกายด้วยการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และยังขยันไปเดินป่าอีกครั้งละ 5-6 ชั่วโมง นี่เป็นตัวอย่างการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงวัยแบบที่จะเป็นคุณต่อชาติต่อสังคม คือนอกจากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนอื่นว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นชีวิตที่มีคุณภาพและสุขภาพดีแล้ว ยังเป็นแนวทางการใช้ชีวิตของผู้สูงวัยที่มุ่งมั่นจะไม่เป็นภาระแก่คนอื่นที่จะต้องมาดูแลประคบประหงมตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระให้คนพาเข้าๆออกๆโรงพยาบาล ไม่ต้องกินยาคราวละมากๆให้เป็นภาระงบประมาณของชาติ นี่เป็นเหตุผลที่ผมหยิบจดหมายของคุณมาตอบทั้งๆที่คุณไม่ได้ถามอะไร

    3.  ที่คุณเล่าถึง  Geriatric Medical Center ของคณะเเพทย์ มช.นั้น เป็นความรู้ใหม่สำหรับตัวผมเองด้วย การที่คุณประทับใจว่าคุณหมอที่ศูนย์ใหม่นี้รับฟังความต้องการของคุณเป็นอย่างดีและกำลังอยู่ในขั้นตอนการหยุดยาความดันนั้น นี่แสดงว่าการแพทย์ของประเทศไทยเราได้ก้าวข้ามพงหนามมาถึงอีกขั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี ผมจึงอดไม่ได้ต้องเอามาบอกเล่าให้แฟนบล็อกได้ฟังแทนสิ่งเดิมๆที่จะได้ฟังกันแต่เรื่องหมอนๆของผู้บริหารประเทศของเรา (หิ..หิ)

    4. เส้นทางที่คุณเลือกเดินนี้คือการเปลี่ยนวิถีชีวิต (lifestyle changing) ซึ่งเป็นทางหลักเส้นเดียวที่ทุกคนที่เป็นโรคเรื้อรังจะต้องเดิน ไม่ว่าจะเลือกรับการรักษาแบบรุกล้ำหรือไม่ก็ตาม หมายความว่าแม้จะทำบอลลูนหรือทำผ่าตัดบายพาสมาแล้วหรือไม่ทำ ก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ดี ผมพูดอย่างนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านผู้อ่านจำนวนหนึ่งเข้าใจผิดว่าการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจนี้เมื่อเลือกรับการรักษาแบบรุกล้ำด้วยการทำบอลลูนใส่ขดลวดถ่างหรือผ่าตัดบายพาสแล้วก็เป็นอันสำเร็จกิจ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมได้ นั่่นเป็นความเข้าใจผิด การทำบอลลูนหรือบายพาสไม่ได้เปลี่ยนการดำเนินของโรค เพียงแค่แก้ไขรอยตีบแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ชั่วคราวเท่านั้น ตัวโรคจะดำเนินต่อไปในทิศทางที่โรคจะเป็นมากขึ้นๆ จะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบที่คุณเล่าให้ฟังนี้เท่านั้น โรคจึงจะถอยกลับได้

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

บรรณานุกรม

1. Boden WE, O'Rourke RA, Teo KK, Hartigan PM, Maron DJ, Kostuk WJ, Knudtson M, Dada M, Casperson P, Harris CL, Chaitman BR, Shaw L, Gosselin G, Nawaz S, Title LM, Gau G, Blaustein AS, Booth DC, Bates ER, Spertus JA, Berman DS, Mancini GB, Weintraub WS; COURAGE Trial Research Group. Optimal medical therapy with or without PCI for stable coronary disease. N Engl J Med. 2007 Apr 12;356(15):1503-16. doi: 10.1056/NEJMoa070829. Epub 2007 Mar 26. PMID: 17387127.