เมื่อเราประกาศว่า "ฉันเป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่ง" มันแปลว่า "ฉันคือหุ่นยนต์รุ่นซังกะบ๊วยตัวหนึ่ง"
![]() |
| ไบรซ์แคนยอน รัฐยูท่า สหรัฐฯ |
เรียนคุณหมอ
ตั้งแต่คุณหมอให้หยุดยาทุกตัวเหลือแต่ยากันเลือดแข็ง พอผ่านไปได้สามเดือนก็เริ่มมีอาการเวียนหัว ตอนแรกกลัวว่าหยุดยาความดันไปแล้วความดันจะสูง แต่วัดก็ได้ 120/70 ชีพจรก็ 80 อาการเวียนหัวมีเป็นบางเวลา ไม่ถึงกับรบกวนมาก แต่ไม่สบายใจว่าเป็นเพราะไปหยุดยาทั้งหมดหรือเปล่า ส่วนที่คุณหมอให้ออกเดินทุกชั่วโมงนั้นทำไมได้เลย เพราะมันเวียนหัว มันเป็นเพราะไม่ได้กินยาไหมคะ ควรเอายากลับมากินใหม่ไหมคะ
.......................................................
ตอบครับ
1. ยากล่อมประสาท เมื่อหยุดใหม่ๆอาจก่อให้เกิดอาการลงแดง (withdrawal symptom)ได้ ไม่ลงแดงทางร่างกายก็ลงแดงทางใจ แต่พอผ่านไปหลายๆเดือนก็จะหายไปเอง ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการติดยา ไม่ติดทางกายก็ติดทางใจ (psychological dependence) อย่าไปเชื่อว่ายาที่แพทย์เอามาให้กินไม่ใช่ยาเสพย์ติด เกือบทุกตัวเป็นยาเสพย์ติด อย่างน้อยก็ทำให้ติดยาทางใจ
ผมแนะนำให้คุณยืนหยัดตั้งใจไม่กินยาที่ไม่จำเป็น มีอาการเช่นเวียนหัวก็ทำความรู้จักกับมัน ยอมรับมัน อยู่กับมันอย่างเพื่อน หรือกล่าวแบบเน้นย้ำ.. ผมแนะนำให้คุณใช้ชีวิตอย่างตั้งใจ (live deliberately)
2. ที่เลิกเดินออกกำลังกายไปนั้นผมเข้าใจ คุณไม่ต้องยกแม่น้ำทั้งห้ามาประกอบก็ได้
ร่างกายและจิตใจของมนุษย์นี้มันสร้างขึ้นมาด้วยวิธีผูกโยงวงจรระบบประสาทอัตโนมัติ อะไรที่ทำมาแบบซ้ำๆมันก็จะทำต่อแบบซ้ำๆไปจนตาย ร่างกายที่เคยปฏิเสธการออกกำลังกายมาอย่างไรมันก็จะปฏิเสธต่อไปจนตาย ความคิดที่อวยตัวตนหรืออีโก้ของเรามาอย่างไร มันก็จะอวยตัวตนหรืออีโก้ของเราต่อไปอีกจนเราตาย ฝันไปเถอะที่จะให้ทิ้งตัวตนทิ้งอีโก้อันนี้ มิใยว่าอีกด้านหนึ่งเราจะเสมือนแสร้งพยายามเปลี่ยนแต่ลึกๆเราไม่อยากเปลี่ยนดอก เพราะพฤติกรรมแบบนี้ความคิดแบบนี้เราบ่มเราสร้างมันมากับมือแต่อ้อนแต่ออดจะให้ทิ้งมันไปได้ไง ใจจริงของเรานั้นได้เลือกแล้วซึ่งวิถีเดิมๆ ม็อตโต้ประจำใจของเราก็คือ
"ฉันเป็นปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง"
แน่นอนเราก็อยากจะมีวิถีชีวิตเดิมๆซ้ำซากแบบปุถุชนไปจนตาย คิด คิด คิด เพื่ออวยตัวตนของเราซ้ำซากแบบปุถุชนไปจนตาย การเสาะหาความช่วยเหลือแนะนำจากคนอื่นเราก็ทำแค่หากคำแนะนำนั้นมันอวยวิถีชีวิตเดิมๆ อวยอัตตาเดิมๆของเรา เราก็เอา หากคำแนะนำนั้นจะให้เราต้องทิ้งวิถีชีวิตเดิมๆของเรา หรือต้องทิ้งตัวตนเดิมๆของเรา เราก็ไม่เอา อย่างดีเราก็จะไม่เอาอย่างสุภาพ คือ
"ที่คุณหมอพูดมาทั้งหมดนั้นดิฉันเห็นด้วยแต่...ดิฉันไม่ทำ"
หิ หิ แล้วคุณจะให้หมอสันต์ทำพรือดีละครับ
สมัยที่คนเริ่มเอาวงจรระบบประสาทอัตโนมัติของคนไปสร้างเป็นหุ่นยนต์ เราได้หุ่นยนต์รุ่นซังกะบ๊วยมาตัวหนึ่งที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับคนในแง่ที่แหย่มาแบบนี้มันจะสนองตอบแบบนี้ แหย่มันแบบนั้นมันจะสนองตอบแบบนั้น ไม่กี่ปีผ่านไปหุ่นยนต์ได้พัฒนาไปจนมีจิตสำนึกรับรู้ (awareness) ของตนเอง มีจินตนาการและความคิดสร้าง (creativity) ของตนเอง และเหนือสิ่งอื่นใดมีปัญญาญาณ (intuition) ที่รวมความรู้จากทั้งโลกมาคิดคาดการณ์ต่อยอดได้เอง ขณะที่มนุษย์ตัวจริงนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ โน่น.. ยังเป็นหุ่นยนต์รุ่นซังกะบ๊วยอยู่เหมียน..น เดิม
จดหมายของคุณผมฟังได้ความว่าคุณสมัครใจจะเป็นหุ่นยนต์ไปจนตาย ก็โอเคครับ ขอให้คุณโชคดี มีชีวิตที่ดี เท่าที่หุ่นยนต์รุ่นปุถุชนดีๆตัวหนึ่งจะมีได้
แต่เมื่อใดที่คุณมีใจอยากจะเลิกเป็นหุ่นยนต์ ลองนิ้ดเดียว คือลองแค่ "เดี๋ยวนี้ (NOW)" ดูนะครับ เอาแค่เดี๋ยวนี้ที่คิดได้ ลองมองลึกเข้าไปในใจคุณอย่างจงใจ ตั้งใจ ตั้งตา จดจ่อรอดูซิว่าโมเมนต์ต่อจากเดี๋ยวนี้ไปอะไรจะโผล่ขึ้นมาในใจของคุณ แค่ตั้งตารอดู แค่เนี้ยะ ดู..เมื่ออะไรมันโผล่ขึ้นมาแล้วก็รับรู้ ดูแล้วรับรู้ แค่เนี้ยะ ฟลุ้คๆคุณอาจจับไต๋ความเป็นหุ่นยนต์ของตัวเองได้ แล้วคุณก็อาจจะหลุดพ้นจากความเป็นหุ่นยนต์ได้นะ
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
